กลุ่มดุสิตธานี ขยายธุรกิจเดินหน้าบริหารอสังหาฯ ระดับลักชัวรี่ 2 แบรนด์ในภูเก็ต พร้อมให้บริการ โรงแรมดุสิต คอลเลคชั่น และ ดุสิต เรสซิเดนซ์ - ลายัน แวร์เด ปี 2570

06 Jun 2024

เผยเป็นส่วนหนึ่งของ 'ลายัน แวร์เด' โครงการระดับลักชัวรี่แห่งใหม่ ที่ตั้งเป้าเป็นจุดหมายปลายทางระดับไอคอน มั่นใจร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับทั้งนักท่องเที่ยว ผู้พักอาศัย รวมถึงผู้คนบนเกาะภูเก็ต

กลุ่มดุสิตธานี ขยายธุรกิจเดินหน้าบริหารอสังหาฯ ระดับลักชัวรี่ 2 แบรนด์ในภูเก็ต พร้อมให้บริการ โรงแรมดุสิต คอลเลคชั่น และ ดุสิต เรสซิเดนซ์ - ลายัน แวร์เด ปี 2570

กลุ่มดุสิตธานี ประกาศลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจกับ วิลล่าคาร์ท กรุ๊ป (VillaCarte Group) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตที่บริหารสินทรัพย์อย่างหลากหลาย ทั้ง วิลล่า อพาร์ทเมนต์ โรงแรม บาร์ และร้านอาหาร โดยจะร่วมมือกันบริหารโรงแรม และอพาร์ทเมนต์ระดับลักชัวรี่ 2 แบรนด์ ซึ่งจะตั้งอยู่ในใจกลางของโครงการ ลายัน แวร์เด (Layan Verde) ทางฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ซึ่งถือเป็นโครงการที่กลุ่ม วิลล่าคาร์ท ตั้งความคาดหวังไว้อย่างมาก

นายศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างกลุ่มดุสิตธานีกับกลุ่มวิลล่าคาร์ทในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงโอกาสสำคัญในการกำหนดนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่บนเกาะภูเก็ต ทั้งที่ตั้งบนทำเลทองของ ลายัน แวร์เด ตลอดจนความมุ่งมั่นในการออกแบบอย่างยั่งยืน และประสบการณ์ยาวนานกว่า 75 ปีของกลุ่มดุสิตธานีในธุรกิจงานบริการ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ในโครงการนี้ให้เป็นตัวเลือกระดับโลก ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนในท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัย นักเดินทาง และนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังจะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับ ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มดุสิตธานีมุ่งมั่นต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อเกาะภูเก็ตอีกด้วย

ทั้งนี้ โครงการ ลายัน แวร์เด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 108,000 ตร. ม. ตั้งอยู่ห่างจากหาดบางเทาเพียง 800 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มดุสิตธานีมีความเชี่ยวชาญในการบริหาร เพราะเป็นที่ตั้งของ ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต รีสอร์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี สำหรับโครงการ ลายัน แวร์เด จะประกอบด้วย อาคารขนาดกลาง (Mid-rise buildings) จำนวน 15 หลัง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีจาก โมฮัมเหม็ด อาดี สถาปนิกชื่อดัง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของ Dewan Architects + Engineers บริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบระดับโลก โดยมุ่งหวังให้โครงการ ลายัน แวร์เด สามารถสอดประสานร่วมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของเกาะภูเก็ตได้อย่างลงตัว

ขณะที่ โรงแรมดุสิต คอลเลคชั่น - ลายัน แวร์เด (Dusit Collection - Layan Verde) ภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานี จะประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง มีห้องพักรวมทั้งหมด 398 ห้อง นับเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ลงนามภายใต้ "ดุสิต คอลเลคชั่น" ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับลักชัวรี่ของกลุ่มดุสิตธานี โดยมุ่งหวังการยกระดับเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่น มีเรื่องราวที่น่าสนใจ พร้อมความงดงามด้านสถาปัตยกรรม และการตกแต่งอย่างลงตัว ผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แท้จริง และแตกต่างไม่เหมือนใครให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก

พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานี จะร่วมบริหารอสังหาริมทรัพย์อีก 5 อาคาร ซึ่งประกอบด้วยห้องพัก 388 ห้อง ภายใต้โครงการดุสิต เรสซิเดนซ์ - ลายัน แวร์เด (Dusit Residences - Layan Verde) โดยแบรนด์ 'ดุสิต เรสซิเดนซ์' ได้รับการพัฒนามาจากประสบการณ์อันยาวนานของกลุ่มดุสิตธานี ในการบริหารโรงแรม และรีสอร์ทหรูในจุดหมายปลายทางสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อนำเสนอบริการระดับลักซ์ชูรีให้กับผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์สุดหรูของแบรนด์

นอกจากการต้อนรับอันอบอุ่นแบบไทย ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ดุสิตธานีแล้ว นักท่องเที่ยว และผู้พักอาศัยทั้งใน ดุสิต คอลเลคชั่น และดุสิต เรสซิเดนซ์ ของโครงการ ลายัน แวร์เด จะมีสิทธิใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อยกระดับการพักผ่อน และการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม อาทิ ร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ฟิตเนส สระว่ายน้ำ คิดส์คลับ บาร์บนชั้นดาดฟ้า และพื้นที่จัดเลี้ยงขนาดกว้างขวาง

โครงการ ลายัน แวร์เด มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2570 โดยจะเป็นหมุดหมายใหม่ของภูมิทัศน์อันสวยงามแห่งภูมิภาค และนอกจากจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมและที่พักอาศัยแล้ว โครงการยังมีช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ และโอเชี่ยนคลับ สำหรับให้บริการอีกด้วย

จากวิสัยทัศน์ของกลุ่มวิลล่าคาร์ท ที่เชื่อมั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีที่ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกในทุกการเดินหน้าขยายธุรกิจ ทำให้การออกแบบโครงการ ลายัน แวร์เด ยืนอยู่บนแนวคิด Biophilic Architecture หรือการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า สร้างความยั่งยืน ได้แรงบันดาลใจจากธรรรมชาติ และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

และเพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบตามแนวทาง Biophilic Architecture การตกแต่งภายในโรงแรมและที่พักจะเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทนต่อความชื้น รวมถึงเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงระดับพรีเมียม โดยโครงการ ลายัน แวร์เด ได้ผ่านมาตรฐานการรับรองอาคารสีเขียวของ EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) ระดับสูงสุด จากเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ในอาคาร ซึ่งสามารถลดการใช้น้ำ และไฟฟ้าได้มากถึง 45%

มร. แม็กซิม สปิริโดนอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม วิลล่าคาร์ท กรุ๊ป เปิดเผยว่า "กลุ่มดุสิตธานีมีชื่อเสียงในงานบริการที่อบอุ่น และสามารถขยายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วโลก การร่วมงานกันในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกในกลยุทธ์การสร้างพันธมิตรกับแบรนด์ดังระดับโลก และเรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความเชี่ยวชาญของดุสิตธานี จะช่วยยกระดับ ลายัน แวร์เด ให้เป็นโครงการระดับสากล และเป็นอีกหนึ่งภาพจำของเกาะภูเก็ต"

มร. วาดิม บุคคาลอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม วิลล่าคาร์ท กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกเหนือจากมาตรฐานงานบริการของดุสิตธานี ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการขยายอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วโลกซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรายังประทับใจกับความยิ่งใหญ่ของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งกำลังจะเปิดตัวที่กรุงเทพฯ ในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย การออกแบบที่ผสมผสานทั้งโรงแรมและที่พักอาศัยสุดหรูเข้ากันได้ดีกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมความยั่งยืน เช่น สวนสาธารณะลอยฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราที่ต้องผสานธรรมชาติให้เข้ากันกับความหรูหราร่วมสมัยที่โครงการ ลายัน แวร์เด สิ่งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นระหว่างเรากับกลุ่มดุสิตธานี และเรามั่นใจว่านี่จะเป็นความร่วมมือระยะยาวที่มุ่งสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน"

ปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรีสอร์ทรวม 301 แห่ง ดำเนินงานในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 18 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 57 แห่งที่ดำเนินงานภายใต้ดุสิต โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าหรู 244 หลังภายใต้ อีลิธ เฮเวนส์ แบรนด์ชั้นนำในเอเชียผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรี ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีเข้าซื้อกิจการในเดือนกันยายน 2561 ปัจจุบันมีอสังหาริมทรัพย์อีกกว่า 60 แห่ง ที่กำลังอยู่ในแผนการพัฒนา

HTML::image(