นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจและการเงินเดือนเมษายน 2567 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปรับดีขึ้นจากภาคบริการที่ขยายตัว สอดคล้องกับรายรับภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ KTAM สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายลดทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมจำนวนกว่า 1,854 ล้านบาท พร้อมกันในวันที่ 14 มิ.ย. 2567 นี้
กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าในอัตรา 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (หรือ KPP ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มน้ำตาลครบุรี) กับ กฟผ. และกลุ่มน้ำตาลครบุรีโดยเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก สัญญาเข้าลงทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 หรืออีกประมาณ 15 ปี จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหากระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 15 จากกำไรสุทธิและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 ในอัตรา 0.2420 บาทต่อหน่วย
อีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สัญญามีระยะเวลาคงเหลือประมาณ 24 ปี (สิ้นสุดปี 2591) กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีโอกาสสร้างรายได้ให้เติบโตตามภาวะเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษทั้งใน 2 เส้นทางนี้ โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 22 จากกำไรสุทธิและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 ในอัตรา 0.1099 บาทต่อหน่วย
และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) เป็นกองทุนที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ของ กฟผ. โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 33 จากกำไรสุทธิและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 ในอัตรา 0.1501 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.0800 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุน จำนวน 0.2301 บาทต่อหน่วย
สำหรับกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี. ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) :ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดิน, อาคาร และส่วนควบของ อาคารสำนักงานและศูนย์การค้าในอาคารที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง 3 แห่ง ได้แก่ CP Tower 1 (สีลม) CP Tower 2 (รัชดาภิเษก) และ CP Tower 3 (พญาไท) กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 40 จากกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 ในอัตรา 0.0295 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 16 ในอัตรา 0.1585 บาทต่อหน่วย รวมเงินปันผลและลดทุน จำนวน 0.1880 บาทต่อหน่วย รวมถึงกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าของสิ่งปลูกสร้างบางส่วนในโครงการตลาดไท ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 54 จากผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 และกำไรสะสม ในอัตรา 0.5547 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ยังมีการจ่ายปันผลจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท (LPF) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ธ.ค. 2566 - 29 ก.พ. 2567 ซึ่งจ่ายให้ผู้ถือหน่วยแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 48 ในอัตรา 0.2238บาทต่อหน่วย
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th
คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน