นายธนกร ไชยศรี ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกการส่งเสริมความรู้และให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพจิตให้แก่เด็กและเยาวชนในกลุ่มวัยเรียนว่า กทม. ได้กำหนดนโยบายดูแลสุขภาพจิตเด็กและเยาวชนไม่ให้มีการทำร้าย หรือรังแก จัดพื้นที่ให้เป็นเขตปลอดอาวุธ ตามประกาศ กทม. เรื่อง มาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษาของ กทม. และศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ขณะเดียวกัน สนศ. ได้กำชับสำนักงานเขตและโรงเรียนในสังกัดให้ดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษาสังกัด กทม. อย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสอดส่องดูแลนักเรียนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยให้โรงเรียนจัดครูที่ปรึกษา ครูประจำชั้น ครูให้คำปรึกษา ครูแนะแนว หรือครูที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น แต่ปฏิบัติหน้าที่ในทำนองเดียวกันคอยดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหา หรือมีความเสี่ยงว่า จะประสบปัญหา ซึ่งโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาสังกัด กทม. ได้จัดชมรม TO BE NUMBER ONE โดยภายในชมรมจะมีกิจกรรมการบริการด้านให้คำปรึกษา บริการฝึกแก้ปัญหาพัฒนา EQ เรียนรู้ด้วยตนเอง และก่อนให้บริการ มีแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ EQ ของกรมสุขภาพจิต สำหรับวัยรุ่นอายุระหว่าง 12 - 17 ปี และวัยผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18 - 60 ปี และบริการจัดกิจกรรมสร้างสุข
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เป็นกิจกรรมที่เน้นการช่วยเหลือดูแลและพัฒนาสมาชิกให้มีคุณภาพและมีความสุข ภายใต้แนวคิด "ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ" มีกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนผ่านการคัดกรองนักเรียนตามแบบประเมิน SDQ และเปิดพื้นที่โรงเรียนให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ตามนโนบายโครงการ Open Education โครงการ Saturday School และ Sunday School ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความสามารถได้แสดงความสามารถของตนเอง และนักเรียนที่มีปัญหาได้มีที่พึ่งทางจิตใจ มีกิจกรรมช่วยเหลือให้นักเรียนที่ประสบปัญหาสามารถแก้ปัญหาได้ ขณะเดียวกันโรงเรียนจะประชุมผู้ปกครองทุกปีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยสอดส่องดูแลนักเรียนให้มีความปลอดภัยทั้งขณะที่อยู่ภายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit