MediaTek ได้จัดแสดงการสาธิตเทคโนโลยีสุดไฮเทคมากมายที่งาน MWC 2024 โดยได้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์เด่นเจเนอเรชั่นใหม่ ได้แก่ NTN, 5G RedCap และ 5G CPE มาจัดแสดง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง Dimensity Auto พร้อมทั้งตัวอย่างวิดีโอ Generative AI แบบเรียลไทม์ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงกว้าง และระบบแอมเบียนต์คอมพิวติ้ง 6G นอกจากนี้ ยังนำอุปกรณ์จากแบรนด์ดังระดับโลกซึ่งขับเคลื่อนด้วย MediaTek มาจัดแสดงเช่นกัน
คุณ Joe Chen ประธาน MediaTek กล่าวว่า "เรากำลังทะยานสู่ความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ และงาน MWC ก็เป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เราได้แสดงศักยภาพในการเติบโต ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดที่เราพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Generative AI สำหรับอุปกรณ์ล้ำสมัย บรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม 5G RedCap และ CPE นอกจากนี้เรายังวางรากฐานสำหรับยุค 6G ด้วยการใช้สิ่งประดิษฐ์ใหม่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ระบบแอมเบียนต์คอมพิวติ้ง"
Generative AI Video Diffusion แบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ AI รุ่นที่ 7 ของ MediaTek
ในงาน MWC 2024 MediaTek ได้จัดแสดง Generative AI Video Diffusion ตัวแรกที่ทำงานได้ในอุปกรณ์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์มือถือ 5G รุ่นเรือธงอย่าง Dimensity 9300 ชิปสมาร์ทโฟนชั้นนำนี้ผสานรวม Generative AI Engine ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ตัวแรกของโลกเข้ากับ AI ที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว และมีความสามารถในการลดแบนด์วิธ พร้อมทั้งเทคโนโลยี LoRA Fusion และ Generative AI ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ AI รุ่นก่อนหน้าของ MediaTek
ยกระดับความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์
Dimensity Auto รองรับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นหลักผ่านระบบปฏิบัติการเสมือนจริงภายในยานพาหนะซึ่งเราได้ใช้เทคโนโลยี OpenSynergy Hypervisor ในการสาธิต นอกจากนี้ MediaTek และ ACCESS Twine4Car ยังทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาความบันเทิงแบบหลายหน้าจอและบริการโต้ตอบที่ล้ำยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดจากการร่วมมือครั้งนี้ก็คือ ห้องคนขับอัจฉริยะและแพลตฟอร์มสาระบันเทิงของ Dimensity Auto ซึ่งมีระบบประมวลผลที่มีความสามารถสูงที่สามารถรองรับระบบปฏิบัติการหลายระบบ ฟีดการเชื่อมต่อไร้สายหลายตัว การเล่นวิดีโอพร้อมกันหลายรายการ รวมถึงกราฟิก 3 มิติขั้นสูงและ Generative AI สำหรับคนขับและผู้โดยสารในยานพาหนะ
แพลตฟอร์ม RedCap RFSoC สำหรับ 5G IoT และอุปกรณ์สวมใส่รุ่นแรกของโลก
แพลตฟอร์ม MediaTek T300 ที่เพิ่งเปิดตัวไปจะช่วยให้นักออกแบบ IoT เปลี่ยนไปใช้ 5G-NR ได้ง่ายในแอปพลิเคชันที่ต้องการการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เช่น อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์ AR น้ำหนักเบา และโมดูล IoT ที่เชื่อมต่อตลอดเวลา ที่งาน MWC 2024 MediaTek ได้แสดงให้เห็นถึงค่าความหน่วงต่ำอย่างต่อเนื่อง (URLLC) ในแอปพลิเคชัน AR และ IIoT ซึ่งให้บริการโฟลว์การรับส่งข้อมูลที่สำคัญด้วย Scheduling Granularity ที่แม่นยำ เพื่อลดเวลาแฝงในการส่งข้อมูลอย่างมีนัยสำคัญและมีความเสถียรเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อรุ่นก่อนหน้า การสาธิตการใช้พลังงานต่ำแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถของ RedCap RFSoC รุ่นใหม่ของ MediaTek ด้วยการใช้แพลตฟอร์มทดสอบไร้สาย Keysight UXM5G
เทคโนโลยี 5G CPE ใหม่สุดพิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ผู้ใช้
MediaTek ได้สาธิตฟีเจอร์ล่าสุดสำหรับอุปกรณ์ 5G CPE ที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์ม T830 รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการอัปลิงค์โดยใช้เสาอากาศส่งสัญญาณสามอัน (3TX) ที่ใช้ได้กับการรวมแบนด์ด้วย 5G NR และเทคโนโลยี Low-Latency, Low-Loss และ Scalable Throughput (L4S) ซึ่งช่วยลดความล่าช้าของเครือข่ายและยกระดับประสบการณ์การใช้งานได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการออกแบบแบบเดิม การสาธิตครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสถานีทดสอบ Anritsu MT8000A
บรอดแบนด์ดาวเทียมขั้นสูง 5G ตัวแรกของโลก & รากฐานของประสบการณ์ผู้ใช้ NTN ก่อนยุค 6G จะมาถึง
หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัว MediaTek MT6825 ในปี 2566 บริษัทยังคงเป็นผู้นำเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมด้วยการถ่ายทอดสดการสาธิตการทดสอบชิปดาวเทียม 5G-Advanced NR-NTN รุ่นถัดไป ที่จะสามารถรับส่งข้อมูลได้มากกว่า 100Mbps ผ่านดาวเทียม LEO โดยใช้ Ku-band สำหรับยานยนต์และเทอร์มินัลได้หลายประเภทมากขึ้น โดยร่วมมือกับ Rohde & Schwarz ซึ่งใช้เครื่องกำเนิดสัญญาณ SMW200A Victor, เครื่องวิเคราะห์สัญญาณ R&S FSW และการทดสอบ ITRI NR NTN gNB และตามมาด้วยการสาธิตประสบการณ์ผู้ใช้บรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมก่อนการใช้ 6G ครั้งแรกของโลกด้วยการจำลองดาวเทียม LEO บินผ่านแบบสมจริง
Ambient Computing 6G นำเสนอเครือข่ายส่วนบุคคลเสมือนจริงที่ราบรื่นและเป็นส่วนตัว และการเร่งความเร็วแบบ Aggregated
MediaTek ได้นำเสนอเครือข่ายส่วนบุคคลผ่านแอมเบียนต์คอมพิวติ้งและการเชื่อมต่อแบบคอนเวอร์เจนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากอุปกรณ์ IoT ภายในบ้านยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดการอุปกรณ์จากภายนอกบ้านจึงมักดำเนินการผ่านเซิร์ฟเวอร์และบริการของบุคคลที่สาม เครือข่ายแอมเบียนต์ส่วนตัว (แบบเสมือน) ที่ใช้กับอุปกรณ์ 5G และเราเตอร์ภายในบ้านทำให้การตั้งค่าไม่ซับซ้อน เช่น การส่งต่อพอร์ตและสามารถทำ Tunnelling ได้อย่างปลอดภัย โดยมอบประสบการณ์ที่คล่องตัวพร้อมความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือได้และปรับแต่งได้มากขึ้น อีกทั้งยังตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้งานการจัดการ IoT ในบ้านง่ายกว่าเดิม การสตรีมที่เก็บข้อมูลบนเครือข่าย และการประมวลผลรวมที่ล้ำกว่า ไม่ว่าจะประมวลผลจากอุปกรณ์เครื่องเดียวหรือกระจายผ่านอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันก็ตาม
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit