เลี้ยงสัตว์ "เอ็กโซติก" (Exotic Pet) หรือสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์แปลก และสัตว์หายากชนิดต่าง ๆ กำลังกลายเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งในปี 2567 และมีแนวโน้มค่อย ๆ เติบโต เห็นได้จากข้อมูล The 1 Insight และ CRC Voice Share ได้ทำการสำรวจเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยในปี 2567 พบแนวโน้มการขยายตัวของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์ Exotic เช่น ปลา กระต่าย และนก เป็นต้น สะท้อนผ่านตัวเลขการใช้จ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Exotic ที่เติบโตสูงกว่า 50% โดยสัตว์เลี้ยง Exotic ที่เป็นที่นิยม 3 อันดับแรก ได้แก่ ปลา กระต่าย และนก
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากกระแสการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างประชากร ทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ และค่านิยมของการเป็นครัวเรือนเดี่ยว และการเข้าสู่สังคมที่มีอัตราการเกิดต่ำคนไม่นิยมมีลูก ยิ่งกระตุ้นให้ตลาดสัตว์เลี้ยงขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะคนจะแสวงหาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนช่วยคลายเหงา
ข้อมูลน่าสนใจของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า เทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงของคนในยุคปัจจุบันที่มีรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว รวมไปถึงการสัตว์เลี้ยงจนกลายเป็นดาราสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) ยังเป็นตัวกระตุ้นให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2566 ที่ผ่านมา บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี กว่า 17.5%
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน PET EXPO THAILAND งานสัตว์เลี้ยงที่จัดมายาวนานกว่า 24 ปี และได้รับความนิยมอันดับ 1 ของไทย กล่าวว่า สำหรับเทรนด์ในการเลี้ยงสัตว์ Exotic นอกจากการเป็น "รสนิยม" ส่วนตัวของผู้เลี้ยงแล้ว การเลี้ยงสัตว์แปลกหลายชนิดก็ยังสามารถต่อยอดกลายเป็นอาชีพ เช่น การเพาะเลี้ยง การพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ ไปจนถึงเป็นของสะสมล้ำค่าที่มีมูลค่าสูง ทั้งสัตว์แปลกในกลุ่มปลาสวยงาม หรือกลุ่มนก เต่า และกลุ่มสัตว์ฟันแทะ ทั้ง กระต่าย หนู และกระรอก ซึ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ และกลายเป็นที่ต้องการของตลาดคนรุ่นใหม่
ปัจจุบันได้มีการแบ่งเลี้ยงสัตว์ Exotic ออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน เช่น อีกัวน่า กิ้งก่า มังกรเครา งู หรือเต่า 2.กลุ่มสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบลูกศรพิษ กบโกไลแอท กบแคระแอฟริกัน กบนา กบมะเขือเทศมาดากัสการ์ กบแอฟริกันบูลฟร็อก หรือซาลาแมนเดอร์ 3.กลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ด้วง หรือแมงมุมทารันทูล่า 4.กลุ่มสัตว์ปีก เช่น นกคอกคาเทล นกแก้วมาคอร์ นกเหยี่ยว หรือนกยูง 5.กลุ่มปลา เช่น ปลาปักเป้าฟาฮากา หรือปลาเทพา และ 6.กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น กระต่าย เฟอเรท แฮมสเตอร์ สุนัขจิ้งจอก แรคคูน แพรีด็อก เมียแคท บุชเบบี้ หรือชูการ์ไกลเดอร์
ตัวอย่างของสัตว์เลี้ยง Exotic ที่กำลังมาแรงในปี 2567 ตัวอย่างเช่น "สุนัขจิ้งจอก" โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยมคือ สุนัขจิ้งจอกทะเลทราย หรือ สุนัขจิ้งจอกเฟนเน็ค มีลักษณะตัวเล็กที่สุดในบรรดาสัตว์สายพันธุ์จิ้งจอก ลักษณะเด่น คือ มีขนตามตัวออกสีเหลืองน้ำตาล หนาฟู ใต้ท้องสีขาว หางยาวฟูเป็นพวง เป็นสัตว์ที่ฉลาด คล่องแคล่ว ว่องไว ซุกซน มีนิสัยขี้เล่น และพลังเยอะ แต่ใครคิดจะเลือกซื้อต้องคิดดูให้ดี เพราะถือเป็นสัตว์แปลกที่มีราคาสูงมากเลยทีเดียว
กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน ก็เป็นอีกกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตและมีการเลี้ยงสัตว์กลุ่มนี้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอีกัวน่า และกิ้งก่าประเภทต่าง ๆ บางสายพันธุ์มีราคาสูงจนน่าตกใจ หรือกลุ่มของงูสวยงามหลากหลายประเภท แต่สัตว์แปลกอีกชนิดที่นิยมเลี้ยงกันเพิ่มมากขึ้น คือ "เต่ายักษ์ซูคาตา" หรือ เต่าเดือยแอฟริกา จัดเป็นเต่าบกที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองมาจาก เต่ายักษ์กาลาปากอส และเต่ายักษ์อัลดาบรา เมื่อโตเต็มที่ยาวได้มากกว่า 36 นิ้ว มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม และมีอายุยาวเป็น 100 ปี ลักษณะเด่นของเต่าชนิดนี้ มีกระดองที่แบนราบ เมื่อยังอยู่ในวัยเล็กลำตัวมีสีขาวไปจนถึงสีน้ำตาลเหลือง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและวัยเต็มวัยสีของกระดองจะพัฒนาเป็นสีน้ำตาลและสีเหลือง ขาทั้งสี่ข้างแข็งแรง โดยเฉพาะขาคู่หน้ามีเกล็ดขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเตาชนิดนี้อย่างแพร่หลาย กลายเป็นอาชีพใหม่ที่น่าสนใจ เพราะราคาของเต่าตัวที่มีลวดลายสวยงามก็มีราคาหลักหมื่นจนถึงหลักแสนเลยก็มี โดยเฉพาะตลาดกลุ่มคนฐานะดีที่มีความเชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีบารมี และเสริมดวงชะตาให้มีอายุยืนยาว
สัตว์อีกชนิดที่เริ่มมีการเลี้ยงอย่างแพร่หลาย นั่นคือ กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยดาวเด่นคือ "ชูการ์ไกลเดอร์" หรือ "จิงโจ้ร่อน" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่มีกระเป๋าหน้าท้อง ลักษณะหน้าตาคล้ายกระรอกบิน แต่เป็นคนละประเภท ลักษณะเด่นคือขนสีดำสลับน้ำตาลเหลืองนุ่ม ๆ บริเวณข้างลำตัวของมันจะมีพังผืด สามารถกางได้จากขาหน้าไปถึงขาหลังเพื่อลู่ลมเวลาร่อน เหมือนเช่นกระรอกบิน หรือบ่าง และมีเล็บที่แหลมคมใช้เกาะเพื่อกระโดดข้ามจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง นิสัยชอบการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ เช่นเดียวกับน้องหมา น้องแมว ชอบเล่น ขี้อ้อน และอาจมีพฤติกรรมติดเจ้าของด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลของสัตว์ Exotic สามารถเข้ามาชมความน่ารัก และความสวยงามของสัตว์แปลกในโซนสัตว์ Exotic ซึ่งปีนี้ผู้จัดงานได้ยกทัพชาวแก๊ง Exotic Pet ที่ใครเห็นต้องหลงรักไว้ในงาน "PET Expo Thailand 2024" ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit