ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหนี้หลายก้อน ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เงินกู้ซื้อรถ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำไม่เท่ากัน มีค่างวดผ่อนชำระไม่เท่ากัน วันที่ต้องจ่ายก็ไม่เหมือนกัน และที่สำคัญกำลังประสบปัญหา เงินแต่ละเดือนเริ่มตึงมือไม่พอใช้ แบกรับภาระผ่อนชำระหนี้ไม่ไหว ชำระแต่ขั้นต่ำ หรือกดเงินสดจากบัตรใบนี้ไปจ่ายหนี้บัตรอีกใบ คุณจะทำอย่างไร
ความรู้ทางการเงินเป็นทักษะสำคัญสำหรับโลกปัจจุบัน เพื่อให้คุณเอาตัวเองรอดและดูแลครอบครัวได้ การวางแผนทางการเงินเป็น รู้จักวางแผนการลงทุนได้บรรลุเป้าหมาย เป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิต แคมเปญ #เรื่องเงินอย่าปล่อยให้รู้งี้ โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) อยากช่วยให้คนไทยมีความเข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนการเงิน เพราะถ้าทุกคนมีความรู้ทางการเงิน ก็คงไม่ต้องพูดว่า #รู้งี้ ในภายหลัง จึงขอแบ่งปันแนวทางการวางแผนรวมหนี้ ที่จะช่วยให้การเงินของคุณคล่องตัวขึ้น
เพื่อให้เข้าใจง่ายเรามาลองดูตัวอย่างไปพร้อมกัน สมมติ คุณ A มีรายได้เดือนละ 50,000 บาท มียอดหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนดังนี้ 50,000 บาท 80,000 บาท และ 100,000 บาท รวมเป็นยอดหนี้ทั้งสิ้น 230,000 บาท และคุณ A ไม่สามารถชำระยอดหนี้เต็มจำนวนได้ จึงชำระขั้นต่ำที่ 10% หรือคิดเป็นต่อเดือนเท่ากับว่า คุณ A มีภาระหนี้ที่ต้องชำระเดือนละ 23,000 บาท ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องในแต่ละเดือนเนื่องจากคุณ A ยังมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอื่นๆ อีก เช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
ซึ่งวิธีการคิดอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นจะไม่ได้คิดแค่รายการค้างชำระ แต่จะเป็นการคิดดอกเบี้ย 2 ก้อน คือ ยอดค้างชำระและยอดรูดใช้จ่าย เช่น บัตรเครดิตใบแรกคุณ A มียอดหนี้ 50,000 บาท ชำระขั้นต่ำ 10% คือ 5,000 บาท ยอดค้างชำระอยู่ที่ 45,000 บาท นั่นคือบัตรเครดิตจะคิดอัตราดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ 45,000 และยอดรูดใช้จ่าย 50,000 บาทนั่นเอง
จากตัวอย่าง หากคุณ A ต้องการปิดยอดหนี้ทั้งหมดที่มีจะต้องหยุดรูดบัตรใช้จ่ายเพราะหากไม่หยุดรูดบัตร ยอดหนี้ใหม่ที่เข้ามาจะถูกทบต้นไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นหนี้ก้อนใหญ่ไม่มีวันจบสิ้น และหากไม่มีเงินก้อนมาปิดหนี้ ต้องชำระขั้นต่ำ 10% ไปเรื่อยๆ คุณ A ก็จะโดนอัตราดอกเบี้ยทบต้นไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การรวมหนี้หลายๆ ก้อนด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการปิดหนี้ก้อนนี้ของคุณ A ได้
โดยความหมายของการรวมหนี้ คือ การนำหนี้สินที่มีอยู่หลายๆ ก้อน มารวมไว้เป็นก้อนเดียวและยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเพื่อนำมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมด จากตัวอย่างข้างต้นถ้ายอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดของคุณ A เท่ากับ 230,000 บาทและยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลไปชำระ จะช่วยลดภาระจากยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระเดือนละ 23,000 บาท เหลือเดือนละประมาณ 6,484 บาท (คิดอัตราดอกเบี้ย 23% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน) ซึ่งจะช่วยให้คุณ A มีเงินเหลือใช้จ่ายต่อเดือนมากขึ้น สามารถยืดระยะเวลาการผ่อนชำระออกไปได้โดยไม่ถูกคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
การมีหนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากนี้นั้นก่อให้เกิดรายได้หรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีวินัยในการชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดและตรงเวลา ดังนั้น ก่อนสร้างหนี้ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน เพราะ #เรื่องเงินอย่าปล่อยให้รู้งี้ และหากทำได้… หนี้ที่เกิดขึ้นก็จะสร้างประโยชน์ให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หากกำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกับคุณ A สามารถพิจารณารายละเอียดการรวมหนี้เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยกับสินเชื่อส่วนบุคคล KKP PERSONAL LOAN (อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 11.99% - 25%) ของธนาคารเกียรตินาคินภัทรได้ ที่ https://bank.kkpfg.com/th/personal-banking/loan/personal-loan/kkp-personal-loan
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit