เอสซีจี ส่งมอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่สร้างสรรค์ โชว์ตัวในงานสถาปนิก'67 "SCG Smart Living" นำเทคโนโลยีเสริมนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีผู้อยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "SCG Forward into Future Living: Sustaining Space and Technology" ตอกย้ำผู้นำโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก ควบคู่การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ก่อสร้างไว้ที่เดียว ขณะที่ COTTO ภายใต้ SCG Decor แนวคิด "Reform the new Sustainability, made by you" พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยให้สวยงามและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า เมื่อเอ่ยถึงเอสซีจี คนจะนึกถึงวัสดุต่างๆ ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันเอสซีจีได้พัฒนาและต่อยอดงานที่ไม่ใช่แค่เพียงวัสดุก่อสร้าง แต่ขยายขอบข่ายไปถึงนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยดีขึ้น ทั้งเรื่องของพื้นที่ (Space) เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) รวมไปถึงความยั่งยืน (Sustainability) และในปีนี้ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living ที่ต่อไปจะได้ยินชื่อแบรนด์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นแบรนด์ที่รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่
นายวชิระชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ นวัตกรรมในบ้านด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ทั้งเจ้าของบ้าน โครงการ อาคารทุกประเภท ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงงาน มีการแนวโน้มการเติบโตและมีความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นในๆ ทุกปี"
ด้าน COTTO ภายใต้ SCG Decor นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด หรือ SCG Decor (SCGD) เล่าว่า โจทย์หลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ SCGD และ COTTO คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในอาเซียน จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ภายใต้แนวคิด COTTO "Reform the new Sustainability, made by you" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ออกแบบ และกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจกับปัญหาเหล่านี้ ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ที่ลดการใช้พลังงาน ลดปริมารของเสีย
ในงานสถาปนิก 2024 : ASA EXPO ทาง SCGD ได้จัดแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน ได้แก่
ทั้งนี้ Climate Change ถือเป็นตัวเร่งสำคัญ ที่ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความใกล้เคียงธรรมชาติ มีกระแสตอบรับที่ดี และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากที่ผ่านมามมีการเติบโตราว 10% โดย SCGD เตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SCG GREEN CHOICE เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% จะขยายเพิ่มเติมให้ได้ 80% เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด และตอบโจทย์การเดินหน้าสู่เป้าหมาย NET ZERO Carbon Emission ภายในปี 2050
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit