5 วิสาหกิจฯ คว้ารางวัล 'ต้นแบบสัมมาชีพ' ปี '66 เตรียมเข้ารับรางวัล 17 พ.ย. นี้

09 Nov 2023

มูลนิธิสัมมาชีพเปิดรายชื่อ 5 วิสาหกิจชุมชน คว้ารางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ ประจำปี 2566 เผยเป้าหมายรางวัลมุ่งสนับสนุนการพัฒนา ยกระดับวิสาหกิจชุมชน และขยายผลเป็นต้นแบบให้วิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ปรับใช้ เพื่อสร้างความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม ให้ฐานราก

5 วิสาหกิจฯ คว้ารางวัล 'ต้นแบบสัมมาชีพ' ปี '66 เตรียมเข้ารับรางวัล 17 พ.ย. นี้

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ มูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้มีมติคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่มีการบริหารจัดการกิจการที่ดี สามารถสร้างประโยชน์แก่สมาชิก ชุมชน สังคม เพื่อเข้ารับรางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ ประจำปี 2566 จำนวน 5 กลุ่ม โดยรางวัลดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนา ยกระดับการประกอบการของวิสาหกิจชุมชน และเป็นต้นแบบความสำเร็จขยายไปสู่วิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ต่อไป อันจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม ในระดับฐานราก

"รางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ เป็นสิ่งที่มูลนิธิได้ริเริ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จในการประกอบการซึ่งสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ จนสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ชุมชน เป็นวิสาหกิจที่ดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และสามารถปรับตัวต่อความเสี่ยงต่างๆ ได้ดี

รางวัลนี้ยังจะเป็นการเผยแพร่ ขยายผล ให้วิสาหกิจชุมชนเหล่านี้ได้เป็นต้นแบบความสำเร็จแก่ผู้สนใจต่อไป เมื่อวิสาหกิจชุมชนต่างพัฒนากิจการจนมีความเข้มแข็ง จะทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม ในระดับฐานราก" นายเอ็นนู กล่าว

ทั้งนี้ รางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพจะมี 5 ประเภท คือ ด้านการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร การออมทรัพย์และสวัสดิการชุมชน และการบริการและการท่องเที่ยว

สำหรับวิสาหกิจชุมชนประเภทการเกษตรที่ได้รับรางวัล ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนพิลาฟาร์มสตูดิโอ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นวิสาหกิจที่นำแนวคิดด้านการออกแบบแฟชั่นมารวมกับธุรกิจการเกษตรของชุมชน ภายใต้โมเดลธุรกิจ "Fashion Farming" โดยมีแผนพัฒนาสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มจะเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐานสินค้าอินทรีย์ มาตรฐาน GMP เช่น ข้าว กระเทียม และผลิตภัณฑ์แปรรูป ทางกลุ่มยังสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนได้หลากหลายรุ่น

ประเภทแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านโคกสว่าง  จ.ขอนแก่น ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเครือญาติเพื่อผลิตข้าวแตนจำหน่าย กระทั่งขยายสู่สมาชิกในชุมชน ถือเป็นความสำเร็จของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสาน พัฒนาสู่การสร้างมูลค่าข้าวเหนียววัตถุดิบในท้องถิ่น นอกจากพัฒนามาตรฐานการผลิตแล้ว กลุ่มยังมีจุดเด่นด้านการพัฒนาข้าวแตนสูตรต่างๆ เพื่อตอบสนองตลาดที่หลากหลายทั้งกลุ่มเด็ก เยาวชน ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ

ประเภทแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร ได้แก่ วิสาหกิจชุมชน HAND-IN-HAND RUSO  จ.นราธิวาส ถือเป็นแบบอย่างความสำเร็จของชุมชนที่ฝ่าฟันต่ออุปสรรคจนนำมาสู่ความสำเร็จ โดยสานต่อโครงการสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของภาครัฐ ชุมชนสามารถบริหารกิจการให้เติบโตเป็นโรงงานตัดเย็บขนาดใหญ่ ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากชุดนักเรียน เป็นเสื้อยืด ชุดกีฬา และอื่นๆ โดยนำเอกลักษณ์ชายแดนใต้มาเป็นจุดเด่น มีการสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่นๆ ในชุมชนมากมาย

ประเภทการเงินและสวัสดิการชุมชน ได้แก่ สถาบันการเงินชุมชนบ้านดอน จ.เชียงใหม่ พัฒนาจากกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เพื่อส่งเสริมการออม จนสามารถให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร รวมถึงการรับชำระบิลต่างๆ โดดเด่นด้านระบบการบริหารจัดการโดยนำระบบโปรแกรมสำเร็จรูปและแอพพลิเคชันต่างๆ มาใช้ ทำให้การบริหารมีความโปร่งใส และขยายกิจการสู่ร้านค้า ประปาหมู่บ้าน โรงน้ำดื่มการท่องเที่ยวชุมชน

ประเภทการบริการและการท่องเที่ยวโดยชุมชน  ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต  เป็นวิสาหกิจชุมชนที่นำจุดเด่นด้านสถาปัตยกรรมเมืองเก่ามาผสมผสานกับการพัฒนามาตรฐานและคุณภาพการท่องเที่ยวเมืองเก่า เน้นสร้างสิ่งแวดล้อมในเมืองโดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว Low Carbon และเชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานร่วมกับกลุ่มต่างๆ ชุมชนท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูเก็ต

วิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพเหล่านี้ จะเข้ารับรางวัลในงานมอบรางวัลซึ่งมูลนิธิสัมมาชีพจะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยจะได้รับเงินรางวัลๆ ละ 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และการพัฒนาการประกอบการกับภาคีเครือข่ายของมูลนิธิสัมมาชีพต่อไป 

สำหรับวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ จะต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ คือ ยึดแนวทางประกอบการตามหลักสัมมาอาชีวะ มีความสามารถด้านการบริการจัดการองค์กร กิจการ ตลอดจนสามารถรับมือต่อผลกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ มีผลงานด้านเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน โดยสร้างสรรค์สินค้าใหม่ เศรษฐกิจใหม่จากภูมิปัญญาท้องถิ่น และนำความรู้ เทคโนโลยีมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ช่วยแก้ไขปัญหาให้ชุมชนได้ ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนสนับสนุนชุมชนด้านสาธารณประโยชน์

งานมอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพประจำปี 2566 จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ณ ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น. โดยเป็นการจัดงานภายใต้แนวคิด "สัมมาชีพ สร้างความมั่นคงฐานราก สร้างความยั่งยืนประเทศ" Stability for Sustainability และจะมีพิธีมอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ 4 ด้าน ได้แก่ รางวัลบุคคลต้นแบบสัมมาชีพ รางวัลเอสเอ็มอีต้นแบบสัมมาชีพ รางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ และรางวัลปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพ

นอกจากนี้ ในวันดังกล่าว ยังจะจัดกิจกรรมตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น. เพื่อนำเสนอผลการถอดบทเรียนเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับรางวัลต้นแบบสัมมาชีพในปี 2566 ในหัวข้อ "Sammachiv Award ความสำเร็จและบทเรียนที่ควรส่งต่อ" รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี กับองค์กรภาคี

 

HTML::image(