SGP เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ดอกเบี้ยระหว่าง [4.75-5.15]% ต่อปี ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง คาดเสนอขาย 14-15 และ 18 ธันวาคม นี้

17 Nov 2023

บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ "SGP" หนึ่งในผู้ประกอบการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีรายใหญ่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 2 ปี 9 เดือน และอายุ 4 ปี 2 เดือน คาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 14 - 15 และ 18 ธันวาคม 2566 เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด มั่นใจได้รับผลการตอบรับดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่อยู่ในกลุ่ม "ระดับลงทุน" โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "ลบ" จากทริสเรทติ้งเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 สะท้อนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจที่มีความมั่นคง

SGP เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ดอกเบี้ยระหว่าง [4.75-5.15]% ต่อปี ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง คาดเสนอขาย 14-15 และ 18 ธันวาคม นี้

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 2 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ย [4.75-4.95]% ต่อปี และรุ่นอายุ 4 ปี 2 เดือน อัตราดอกเบี้ย [4.95-5.15]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายให้ทราบอีกครั้ง โดยคาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 14-15 และ 18 ธันวาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โดยการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคม 2566 และมกราคม 2567

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ที่ "BBB+" เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต "ลบ" จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของบริษัท และตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทในฐานะเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG (Liquefied Petroleum Gas) รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย

SGP เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตเลียมเหลว หรือก๊าซ LPG ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง มีระบบการขนส่งทั้งทางรถและทางเรือ ทำให้มีการจัดส่งที่รวดเร็ว และมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ ในส่วนของธุรกิจก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศ บริษัทฯ มีการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ในแบบค้าส่งผ่านเรือขนส่งก๊าซ LPG ขนาดใหญ่ (เรือ VLGC) และค้าปลีกผ่านคลังก๊าซแอลพีจีในประเทศต่างๆ ประกอบด้วยคลังก๊าซแอลพีจีในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และลาว

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจี บริษัทฯยังได้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่ง ในประเทศเมียนมา มีกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ตามลำดับ และธุรกิจให้บริการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือน้ำลึก อ. เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

ในส่วนของผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย ขนส่ง และให้บริการเป็นจำนวนเงิน 68,037.73 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกเฉลี่ย 9 เดือนของปี 2566 เท่ากับ 563.89 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ราคาก๊าซ LPG เฉลี่ยเท่ากับ 776.94 เหรียญสหรัฐ/ตัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรขั้นต้นสำหรับงวดเก้าเดือนจำนวนเงิน 1,936.30 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขายนั้น มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกที่ประกาศอ้างอิงราคาขาย ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในงวดเก้าเดือน ปี 2566 อยู่ที่ 259.67 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง ดังนี้

  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56 (เสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น)
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2343-4379-80 (เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนที่เป็นสหกรณ์เท่านั้น)