"ไมตรี ภาระหอม" ศิลปินชาวไทย เนรมิตบรรยากาศภายในร้าน EAT ME ด้วยผลงานศิลปะสะท้อนวิถีชีวิตของชุมชนชาวอีสาน

20 Oct 2023

ร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ EAT ME ร่วมมือกับศิลปินไทย ไมตรี ภาระหอม ขอเชิญชวนและยินดีต้อนรับนักชิมและผู้ที่รักในงานศิลปะ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ชีวิตชนบทอันมีชีวิตชีวาของภาคอีสาน ด้วยผลงานศิลปะชุดใหม่ที่ชื่อว่า "The Morlam Mural - Isaan Dance"

"ไมตรี ภาระหอม" ศิลปินชาวไทย เนรมิตบรรยากาศภายในร้าน EAT ME ด้วยผลงานศิลปะสะท้อนวิถีชีวิตของชุมชนชาวอีสาน

เพียงระยะเวลาอันสั้น ศิลปินเนรมิตผลงานลงบนผนังภายใน EAT ME RESTAURANT สร้างความประทับใจให้ผู้ชมด้วยฉากชนบทของภาคอีสาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ภาพบนฝาผนังที่มีสีสันสดใสมีให้ชมตลอดบนชั้น 2 ต่อเนื่องถึงชั้น 3 ที่เป็นห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว

ศิลปินเกิดในจังหวัดศรีสะเกษโดยปกติมักจะทำงานอยู่ที่สตูดิโอส่วนตัวของเขาใกล้กับวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ครั้งนี้เขาได้เนรมิตภาพวาดสีสันสดใสที่บอกเล่าถึงฉากวิถีชีวิตชาวนาอีสานที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ ขึ้นบนผนังภายในร้าน หนึ่งในชิ้นงาน มีภาพที่เป็นฉากชีวิตของชาวนาสองคนกำลังชูมือ โบกมือเต้นรำมีความสุขกับการเก็บเกี่ยวข้าวในท้องนา ตลอดทั้งชุดผลงาน การเก็บรายละเอียดของภาพมีซ่อนอยู่ในทุกมุมมองอย่างงดงาม เช่นสีของหมากบนริมฝีปากชาวนาที่มีผิวกรำแดด และทุ่งสีเขียวขจีของต้นข้าวที่ชาวนาปลูก

สำหรับชื่อผลงานชุดนี้ "The Morlam Mural - Isaan Dance" ศิลปินได้สื่อถึงความหมายของดนตรีที่มีลักษณะเฉพาะ ที่เรียกว่า หมอลำ กับลีลาการขับร้องบอกเล่าแสดงอย่างเป็นเรื่องราว ใช้สำเนียงสั้นยาว เสียงสูงต่ำ ทำให้เกิดความสนุกครึกครื้น ตามแบบฉบับที่มีมากับการเกี่ยวข้าวของภาคอีสาน และดนตรีโบราณของชาวมอญ-เขมร

ศิลปินอธิบายเพิ่มเติมถึงรูปผู้คนมากมายที่อยู่บนภาพวาดนั้น ส่วนใหญ่คือคนในครอบครัวและเพื่อนบ้าน "ต้นข้าวทั้งหมดในภาพวาด แสดงให้เห็นว่าข้าวในบ้านเกิดของฉันอุดมสมบูรณ์เพียงใดในช่วงเก็บเกี่ยว การปลูกข้าวเป็นงานหลักของคนอีสาน และเป็นศูนย์กลางของทุกกิจกรรม นำพาเชื่อมโยงมาสู่การรังสรรค์ชิ้นงานของผม"

"ผลงานของผมถือเป็นงานแนวศิลปะอีสานโมเดิร์นร่วมสมัย สไตล์ศิลปะพื้นบ้านที่บอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมอีสานและเรื่องราวในชีวิตประจำวัน" ไมตรีกล่าวเพิ่มเติม "แรงบันดาลใจของผมมาจากความทรงจำเกี่ยวกับวิถีชีวิตในภาคอีสานที่ผมโตมา และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่จังหวัดศรีสะเกษ"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ EAT ME ได้นำผลงานของสุดยอดศิลปินวัย 54 ปีท่านนี้มาจัดแสดง ศิษย์เก่าจากจุฬาลงกรณ์ท่านนี้เคยผ่านงานแสดงศิลปะมาแล้วทั่วโลก จากเอเชียไปจนถึงออสเตรเลีย ลอนดอน และนิวยอร์ก และเคยได้จัดแสดงครั้งแรกมาแล้วที่ EAT ME RESTAURANT ในปี 2547 ภายใต้ชื่อ 'Up Country' แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่ไมตรีได้วาดภาพลงบนผนังภายในร้าน EAT ME และจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้สร้างและแสดงผลงานชุดนี้ ที่นี่ อย่างน้อยเป็นเวลาต่อเนื่อง 1 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น

เจ้าของร้าน EAT ME คุณดาเรน คุณเชอร์รี ฮอยสเลอร์ และคุณทิม บัตเลอร์ สะท้อนมุมมองให้เห็นว่า ภาพวาดบนผนังของศิลปินกับความมีชื่อเสียงอันยาวนานของร้านอาหาร ทั้งสองสิ่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดผู้คนให้มาลิ้มลองรสชาติอาหารและดื่มด่ำไปกับผลงานของศิลปินไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งการที่ผลงานชุดนี้จะอยู่บนผนังร้านไปสักระยะ ซึ่งคงเสน่ห์ และเอกลักษณ์ของร้าน EAT ME

คุณดาเรนกล่าวว่า "โดยปกติทางร้านเราจะจัด นิทรรศการศิลปะ เป็นประจำอยู่แล้วโดยร่วมมือกับ H Gallery ย้อนไปเมื่อ 25 ปีที่แล้วตั้งแต่เปิดร้าน เราก็เริ่มจัดงานแสดงแรกตั้งแต่ในครั้งนั้น "แต่แทนที่เราจะทำการจัด ติดตั้งชิ้นงานขึ้น ๆ ลง ๆ ในทุก ๆ เดือน จะดีกว่าไหมถ้าเราลองทำอะไรให้ช้าลง และเราอยากให้ผู้ที่มารับประทานอาหารของเราได้มีโอกาสใช้เวลามากขึ้นกับการซึมซับรายละเอียดของงานศิลปะด้วยเช่นกัน มันสอดคล้องกับปรัชญาของเราในฐานะร้านอาหารกึ่งบาร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่อาหาร และเครื่องดื่มที่คัดสรรวัตถุดิบ และผ่านการปรุงอย่างละเมียดละไม (sustainable slow food and drink) ทั้งยังเพิ่มความพิเศษในการเสพงานศิลปะได้อย่างลงตัว

"เราเริ่มต้นด้วยงานภาพบนผนังของไมตรี ซึ่งบอกเล่าถึงชีวิตที่สนุกสนาน เรียบง่าย สโลว์ไลฟ์ในภาคอีสาน ที่ซึ่งวิถีชีวิตดำเนินไปเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด เป็นไลฟ์สไตล์ที่สูญหายไปอย่างรวดเร็วจากการครอบงำของชีวิตชาวเมืองที่เพิ่มมากขึ้น" ดาเรนอธิบายอย่างละเอียด "ครั้งแรกของไมตรี กับการจัดงานแสดงที่นี่บนเฟรมผืนผ้าใบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า สมควรแล้วสำหรับภาพวาดเรียบง่ายกับวิถีชนบทที่สวยงามของเขา ควรจะอยู่คู่กับร้านของเราไปอีกหลายปี"

สำหรับตัวศิลปินเองก็มีความสุขกับผลงานที่ออกมาในครั้งนี้เป็นอย่างมาก "ทีแรกตอนที่เห็นฝาผนังที่ว่างเปล่าของ EAT ME RESTAURANT ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะรังสรรค์งานออกมาในแบบไหน แต่ที่สุดแล้วสิ่งที่ออกมา มันเหนือไปกว่าความคาดหวังของผมมาก" ไมตรีกล่าว