สคร.12 สงขลา เตือนระวัง"โรคไข้หวัดนก" พบแล้วในประเทศเพื่อนบ้าน

01 Nov 2023

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร. 12 สงขลา) เตือนผู้ที่นำเข้าสัตว์ปีกจากต่างประเทศ และกลุ่มเพาะเลี้ยงไก่ชน หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลายสัตว์ปีกโดยตรง โดยเฉพาะสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย เน้นย้ำนักเลงไก่ชน เลี่ยงการดูดเสมหะไก่ หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายจำนวนมาก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาสมัครปศุสัตว์ หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เน้นห้ามนำสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายผิดปกติ มารับประทานหรือชำแหละขาย

สคร.12 สงขลา เตือนระวัง"โรคไข้หวัดนก" พบแล้วในประเทศเพื่อนบ้าน

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ในประเทศไทยเคยมีรายงานการระบาดของผู้ป่วยไข้หวัดนกในคน เมื่อปี 2547 (17ราย), 2548 (5ราย) และ 2549 (3ราย) รวมเคยพบผู้ป่วย 25 ราย เสียชีวิต 17 ราย โดยปัจจุบันไม่พบผู้ป่วยในประเทศ แต่จะมีรายงานจากองค์การอนามัยโลกว่าพบผู้ป่วยในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จากหลาย ๆ ประเทศอย่างใกล้ชิด  

โรคไข้หวัดนก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Influenza A) ที่พบในสัตว์ปีกซึ่งมีหลายสายพันธุ์ และสายพันธุ์ H5N1 และ H7N9 สามารถติดต่อสู่คนได้ โดยพบเชื้อได้ในสารคัดหลั่งของสัตว์ปีก จากจมูก ปาก ตา และมูลของสัตว์ปีก ระยะฟักตัวหลังได้รับเชื้อ โดยเฉลี่ย 2-5 วัน นานสุด 17 วัน นอกจากสัมผัสสัตว์ปีกที่มีเชื้อโดยตรงแล้ว ยังสามารถติดต่อจากการสัมผัสอุปกรณ์หรือสิ่งของที่อาจปนเปื้อนเชื้อ โดยส่วนใหญ่หากสัตว์ปีกติดเชื้อไวรัสกลุ่มที่ก่อโรครุนแรง (Highly Pathogenic Avian Influenza; HPAI) เช่น เชื้อสายพันธุ์ H5N1 จะทำให้พบสารคัดหลั่งออกมาจำนวนมาก ซึ่งคนอาจรับเชื้อได้ผ่านทางเดินหายใจ จากสารคัดหลั่งที่ฟุ้งกระจายเป็นละอองฝอยในอากาศ รวมถึงการนำมือที่สัมผัสเชื้อมาลูบจมูก ตา หรือปาก

อาการของโรคไข้หวัดนกที่พบ ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก และอาจพบอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง หรือชักเกร็งได้ อัตราป่วยตาย ร้อยละ 53 และยังมีอาการอื่น ๆ ที่พบได้ เช่น เยื่อบุตาขาวอักเสบอย่างอ่อน อาการทางเดินหายใจส่วนต้นคล้ายไข้หวัดใหญ่ จนถึงปอดอักเสบเสียชีวิต เน้นย้ำ ต้องปรุงอาหารประเภทสัตว์ปีกและไข่ให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย ห้ามนำไปรับประทาน/ชำแหละขาย หรือให้สัตว์อื่นกิน ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ปีกและสารคัดหลั่งของสัตว์ปีกด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณที่เลี้ยง/พบสัตว์ปีก หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422  

 

 

HTML::image(