เมื่อวันพุธที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 9.30 น. - 12.00 น. ณ ห้องจามจุรี บอลรูม ชั้น M โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ ทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านพลังงานเชิงนิเวศเศรษฐกิจ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิธีลงนามความร่วมมือและพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ด้วยวิธี Science Based Target
โดยคุณสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยง ของบริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนของฝ่ายจัดการ ร่วมลงนามความร่วมมือในการกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และได้กล่าวในงานว่า บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด เป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการ ทั้งในประเทศไทย ไต้หวัน และกัมพูชา ทั้งนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 77 เมกะวัตต์ตั้งอยู่ในจังหวัดกำปงชนัง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา และปี 2566 สร้างรายได้ให้กับ PRIME ประมาณ 180 ล้านบาท และบริษัทในกลุ่มธุรกิจของ PRIME ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ซื้อ-ผู้ขาย Carbon Credit เป็นผู้รับเหมารับจ้างติดตั้งระบบSolar Rooftop เป็นที่ปรึกษาและรับลงทุนในการทำ Energy Efficiency และการทำ Energy Management System
ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านพลังงานสะอาดและการบริหารลดการใช้พลังงาน ทาง PRIME จึงได้รับเกียรติจากทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาจัดตั้งบริษัทร่วมกัน (PRIME 75%: กนอ 25%) ในนาม Prime Industrial Energy หรือ PIE ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นสีเขียว ช่วยส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในนิคมให้ประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เมื่อปีที่แล้ว PRIME ได้รับการคัดเลือก ให้ส่งพนักงานของ PRIME เข้าร่วมโครงการพัฒนากำลังคนสำหรับระบบการทวนสอบก๊าซเรือนกระจกในประเทศและระดับสากลเพื่อตอบสนองเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ของประเทศไทย และทาง PRIME ได้จัดทำรายงาน CFO : Carbon footprint for Organization โดยกำหนดให้ใช้ปี 2565 เป็นปีฐาน และได้ผ่านการทวนสอบจาก MASCI เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการนำส่งรายงานให้ทาง อบก. พิจารณาต่อไป และเป้าหมายในปีนี้ 2567 PRIME จะจัดทำ CFO สำหรับบริษัทในกลุ่มธุรกิจของ PRIME ที่เป็นโรงงานประเภทโรงไฟฟ้าอีก 9 แห่ง รวมทั้งหมด 8 บริษัท โดยใช้ข้อมูลปี 2566
ในปี 2566 ทาง PRIME มีรายได้การซื้อขายและขอรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (The International REC; I-REC) ประมาณ 2.89 ล้านบาท และกำลังดำเนินการให้สามารถเป็นผู้ผลิตและผู้ซื้อขาย IREC ประเทศไทย ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่กัมพูชา กำลังดำเนินการขึ้นทะเบียนโครงการ Carbon Credit Verra คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และจะมีรายได้ประมาณ 6.00 - 8.00 ล้านบาท