พีดีเฮ้าส์ ชี้รับสร้างบ้านไตรมาส 4 ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 66 เติบโตแบบชะลอตัว ส่องผู้ประกอบการรายเล็ก-กลางปรับตัวแข่งขัน หันสร้างภาพลักษณ์แทนแข่งตัดราคา เหตุกังวลปัญหาวัสดุขาดตลาดและต้นทุนสูงขึ้น กระทบราคาขายบ้านปรับขึ้น 3-6% เผยยังพอใจสัดส่วนยอดขายต่างจังหวัด 73% กทม.และปริมณฑล 27% โดยเน้นย้ำ 3 แนวคิดหลัก บ้านประหยัดพลังงาน บ้านผู้สูงอายุ และบ้านสุขภาพ
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (กรุงเทพ) จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่ากำลังซื้อความต้องการรับสร้างบ้านของผู้บริโภคไตรมาส 4 ปรับตัวดีขึ้น หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านตลอดปี 2566 นั้นขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ด้วยเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาบ้านต่อหน่วยปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนเฉลี่ย 6-8% ขณะที่ปริมาณสร้างบ้านชะลอตัวและจำนวนหน่วยลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของภาพรวมการแข่งขันทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้น ผู้ประกอบการรายเล็ก-รายกลางต่างพยายามลดการแข่งขันราคาลง และหันมาเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้ดูมีความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้บริโภคมากขึ้น บางรายยอมลดปริมาณรับสร้างบ้านลง ทั้งนี้ประเมินว่าสาเหตุเพราะผู้ประกอบการ ล้วนกังวลต่อสถานการณ์วัสดุขาดตลาดและรอการผลิตเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดปัญหางานก่อสร้างล่าช้าและต้องแบกรับต้นทุนค่าดำเนินงานก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงอาจถูกผู้ว่าจ้างปรับเงินเนื่องจากสร้างบ้านเกินระยะเวลาตามสัญญา
สำหรับ บริษัทฯ เองในระยะแรก ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวเช่นกัน จึงต้องเร่งปรับตัวโดยคัดเลือกวัสดุและผู้ผลิตรายใหม่ ๆ ที่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามความต้องการใช้งาน ที่สำคัญคือวัสดุต้องมีคุณภาพเทียบเท่า หรือคุณสมบัติวัสดุต้องไม่ด้อยไปกว่ารายเดิม จนทำให้บริษัทฯ สามารถฝ่าอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้ด้วยดีในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ ๆ ยังคงเป็นปัญหาอยู่บ้างเพราะผู้บริโภคอาจไม่คุ้นเคย จึงต้องทำความเข้าใจกันมากกว่าปกติ แต่ด้วยแนวคิดการสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและจุดขายของพีดีเฮ้าส์ ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายยอมรับได้ง่ายขึ้น
ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต กรรมการบริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์และมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 เผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านทั้งเรื่องของความเชื่อมั่นผู้บริโภค วัสดุขาดตลาดและราคาผันผวน โดยผู้ประกอบธุรกิจรับสร้างบ้านต่างได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า สำหรับพีดีเฮ้าส์เองก็ได้รับผลกระทบและไม่อาจแบกรับต้นทุนต่อไปไหว จึงมีการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้น 3-6% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ โดยส่วนหนึ่งเป็นการรองรับต้นทุนค่าแรงใหม่ปี 2567
ในส่วนของยอดขายหรือยอดจองสร้างบ้านไตรมาส 4 ของพีดีเฮ้าส์ปี 2566 นี้ พบว่ากลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงสุดคิดเป็น 42% รองลงมาเป็นกลุ่มราคาบ้าน 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 40% และกลุ่มราคาบ้าน 10-20 ล้านบาทอีก 18% โดยพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกมียอดขายหรือยอดจองสร้างบ้านสูงสุด คิดเป็น 38% รองลงมาเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 27% ภาคอีสาน 22% ภาคใต้ 9% และภาคเหนืออีก 4% ซึ่งสอดคล้องกับสาขาที่มีอยู่ทุกภูมิภาคจำนวน 31 สาขา อย่างไรก็ตามจากสัดส่วนยอดขายและจองสร้างบ้านตลอดปีของบริษัทฯ ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งมาจากการเน้นย้ำถึง 3 แนวคิดหลัก บ้านประหยัดพลังงาน บ้านเพื่อสุขภาพ และ บ้านเพื่อผู้สูงอายุ น.ส.ถิรพรกล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit