วอริกซ์ (Warrix) แบรนด์สปอร์ตแวร์สัญชาติไทย ผู้สร้างปรากฎการณ์พลิกวงการชุดกีฬา คว้าลิขสิทธิ์เสื้อฟุตบอล "ช้างศึก" มาครองได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยใช้กลยุทธ์ License Marketing สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ กรุยทางขยายไปยังกลุ่มกีฬาประเภทอื่น เติบโตไม่หยุดยั้ง โดยยึดมั่นเป้าหมายใช้ "ดีไซน์คอนเซ็ปต์" และ "นวัตกรรมการผลิตทันสมัย" ควบคู่กับการเป็น "ผู้สนับสนุน" ช่วยขับเคลื่อนพลังให้กับนักกีฬาไทยคว้าชัยสำเร็จ และเป็นกำลังสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังผลักดันนักกีฬาทั่วโลก พร้อมประกาศจะเดินหน้ารุกตลาด Sport Health Active Lifestyle สยายปีกครอบคลุมธุรกิจสุขภาพครบวงจร มุ่งเป็นผู้นำในตลาดเอเซียน
วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วอริกซ์ ก้าวเข้ามาในตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาในไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Warrior" หรือนักรบที่แสดงถึงชัยชนะ แข็งแรง ดุดันและเป็นสุภาพบุรุษ โดยเลือกเปิดประตูธุรกิจในตลาดแข่งขันสูง และสร้างความตระหนักรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายแฟนฟุตบอลชาวไทย ด้วยกลยุทธ์ เลือกใช้กลยุทธ์ Local Marketing เป็นสปอนเซอร์ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬาให้กับนักฟุตบอลทีมสโมสรตามต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค และเป็นผู้สนับสนุนสถาบันการศึกษาต่างๆ อาทิ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ ฯลฯ และ License Marketing โดยคว้าลิขสิทธิ์ผลิตชุดแข่งขันให้กับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2560 และถือลิขสิทธิ์ต่อจนถึงปี 2571 จนสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเสื้อนักกีฬาทีมชาติไทย และส่งต่อคุณค่าแบรนด์ Warrix ไปยังกลุ่มแฟนกีฬาชาวไทย
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี วอริกซ์มีจุดแข็งในเรื่องการพัฒนา Branding ให้ชัดเจนด้วยคอนเซ็ปต์ในการผลิตชุดแตกต่างกันแต่ละปีให้กับฟุตบอลทีมชาติไทย โดยมีคีย์เวิร์ด "ขุมพลัง-อัตลักษณ์ไทย-ใจหนึ่งเดียว" เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็นไอเดีย We are the 12th warrior สื่อถึงความสำคัญของเหล่ากองเชียร์ ปีถัดมาก็ส่ง Mission of Honor มาเป็นแนวคิดดีไซน์ลวดลาย Chansuek the Genesis ต่อด้วย Now or Never เพื่อปลุกพลังศรัทธาของนักเตะและแฟนบอลไทย ตามมาด้วย Kingdom ถักทอลวดลายแผนที่ประเทศไทยลงบนเนื้อผ้า ผสานด้วยโลโก้นวัตกรรมพิเศษ Elephant Skin ผืนผิวหนังช้างศึก 3 มิติ พร้อมลวดลาย Warrix Pulse แสดงให้เห็นถึงชีพจรแห่งความรักชาติ เป็นต้น
นอกจากแบรนด์คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนแล้ว วอริกซ์ นำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย COMBA+TECH อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Warrix เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องแต่งกาย สามารถระบายอากาศได้อย่างโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Airflow 360 และ Spandex ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่นสูง และยังคงพัฒนาไม่หยุดยั้ง โดยนำองค์ความรู้ innovation textile มาพัฒนาเรื่องของการตัดเย็บ เพื่อพัฒนาสินค้าเดิมและออกสินค้าใหม่ ทั้งสปอร์ตแวร์และเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ สำหรับรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน วอริกซ์พร้อมแล้วที่จะสยายปีกให้กว้างขึ้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ Sport Active Health Lifestyle ครบวงจร ด้วยชุดกีฬาที่หลากหลาย ฟุตบอล บาสเก็ตบอล กอล์ฟ วิ่ง และธุรกิจด้านสุขภาพ ประกอบด้วย Warrix Run Hub ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาศักยภาพนักกีฬาและผู้ชอบการออกกำลังกาย Warrix Health คลินิกกายภาพบำบัด และ Performance training ตลอดจนสินค้าและบริการกลุ่มไลฟ์สไตล์ ล่าสุดกำลังจะเปิด Lifestyle community ในเดือนสิงหาคมนี้ อย่าง Warrix Lifestyle สยามสแควร์ ถือเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น อาทิ เสื้อผ้าที่ใส่ในชีวิตประจำวัน สตรีตแวร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ยกระดับแบรนด์และผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยม ปักธงพาแบรนด์ไทยก้าวสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายเข้าสู่ธุรกิจด้าน Explorer เช่นจัดกิจกรรมงานวิ่ง Thailand Earth Trail กิจกรรมวิ่งผจญภัยแบบใหม่ใส่ใจธรรมชาติ เป็นต้น
วอริกซ์ ยังคงเดินหน้ารุกไปยังตลาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งในปีนี้ได้นำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะส่งให้ปี 2567 และปีต่อๆ ไป วอริกซ์จะเดินหน้าการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด (Unlimited Growth) โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น พร้อมยึดจุดแข็ง Branding และ Data Management มาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน และตั้งใจจะทำให้วอริกซ์เป็นแบรนด์ลีดเดอร์ในภูมิภาคอาเซียน โดยใช้โมเดลจากไทยที่ประสบความสำเร็จ ส่งต่อไปที่สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนามและประเทศอื่น ๆ ต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit