เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562 นายโรแบร์โต ฟิโก ประธานสภาผู้แทนราษฎรอิตาลีในขณะนั้น ได้ถามประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เกี่ยวกับความรู้สึกของเขาเมื่อครั้งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของจีน
"การได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของประเทศใหญ่เช่นนี้มาพร้อมความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่และภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชน ผมพร้อมสละความสุขสบายของตัวเอง" ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าว
นับตั้งแต่ที่นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคในระดับท้องถิ่น จนก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีจีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง เขาก็นึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นอันดับแรกเสมอ และมองว่าตนเองเป็นผู้รับใช้ประชาชน
บุตรแห่งดินแดนดินเหลือง
เมื่อ 54 ปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิง วัย 15 ปี ซึ่งเป็น "เยาวชนผู้มีการศึกษา" ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ (Liangjiahe) ในมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และใช้ชีวิตในชนบทนานถึงเจ็ดปี โดยทำงานและใช้ชีวิตร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่น
ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาในขณะนั้นคือ "ทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อบ่อย ๆ" เขานำชาวบ้านไปขุดบ่อน้ำ สร้างเขื่อน ทำนาขั้นบันไดบนเนินเขา และสร้างหลุมผลิตก๊าซมีเทนแห่งแรกของมณฑล
เวลาเจ็ดปีช่วยหล่อหลอมความเชื่อที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของเขา นั่นคือ การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน ดังที่เขาเคยให้สัมภาษณ์กับไชน่า มีเดีย กรุ๊ป หรือ ซีเอ็มจี (China Media Group หรือ CMG) เมื่อปี 2546
"ผมเห็นความเข้มแข็งของประชาชน และความต้องการพื้นฐานของประชาชน ด้วยความเข้าใจประชาชนและสังคมอย่างถ่องแท้ ความคิดบางอย่างได้หยั่งรากลึกลงในใจของผมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
ในเดือนตุลาคม 2518 นายสี จิ้นผิง ได้จากหมู่บ้านเหลียงเจียเหอและชาวบ้านไป ในบทความเล่าถึงสมัยที่เขาเป็น "เยาวชนผู้มีการศึกษา" เขาเขียนว่า "ไม่ว่าจะไปแห่งหนใด ผมยังคงเป็นบุตรแห่งดินแดนดินเหลือง (Loess Land) ตลอดไป"
ต่อมานายสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปยังอำเภอเจิ้งติง (Zhengding) ซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนในมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีน นายหลี่ หย่าผิง (Li Yaping) ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ในอำเภอเจิ้งติง จำได้ว่า นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ประเทศจีนยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ และจำเป็นต้องมีคนมาช่วยกันรับผิดชอบ
ขณะที่อาศัยอยู่ในอำเภอเจิ้งติงนั้น นายสี จิ้นผิง ขี่จักรยานเก่า ๆ ไปทั่วอำเภอ และสังเกตว่าการที่ชาวบ้านในท้องถิ่นต้องส่งธัญพืชให้ส่วนกลางมากถึง 38 ล้านกิโลกรัมต่อปี ทำให้ชาวบ้านอดอยากและหิวโหย
เขาเขียนจดหมายถึงคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อเล่าว่าเกษตรกรในท้องถิ่นประสบความยากลำบากเนื่องจากโควตาธัญพืชที่ต้องส่งให้ส่วนกลางสูงเกินไป หลังจากทีมสอบสวนทราบเรื่องจึงลดโควตาจาก 38 ล้านกิโลกรัม เหลือ 24 ล้านกิโลกรัม
นายเฉิง เปาหวาย (Cheng Baohuai) เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติง จำได้ว่าชาวบ้านชื่นชมผลงานของนายสี จิ้นผิง และพูดอย่างดีใจว่าในที่สุดก็มีอาหารเพียงพอเสียที นายเฉิงกล่าวเสริมว่า นายสี จิ้นผิง เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง และใส่ใจในความยากลำบากของประชาชนอย่างแท้จริง
การพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ภารกิจของเราคือการทำให้ความปรารถนาของประชาชนที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นกลายเป็นความจริง นายสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อปี 2555 หลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2556 นายสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านผู้ยากไร้ในหมู่บ้านลั่วถัวว่าน (Luotuowan) มณฑลเหอเป่ย นายกู เฉิงหู (Gu Chenghu) ชาวบ้านในหมู่บ้าน ยังจำได้ดีว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นห่วงเป็นใยประชาชนแค่ไหน "ท่านเห็นว่าแขนเสื้อของผมเป็นรู ท่านจึงมอบเสื้อโค้ตให้ผม"
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 นายสี จิ้นผิง ได้เยี่ยมเยือนชาวบ้านระดับรากหญ้าแล้วกว่า 100 ครั้ง ทั้งในเขตเมืองและชนบท เขาสนใจในทุก ๆ เรื่อง ตั้งแต่อุปทานของตลาดอาหารในช่วงวันหยุดยาว การเข้าถึงการรักษาพยาบาล ไปจนถึงค่าจ้างแรงงานข้ามชาติ นอกจากนี้ ความกังวลและความต้องการเร่งด่วนของประชาชนได้ถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมครั้งสำคัญ ๆ ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกลายเป็นจุดสนใจสำคัญในการปฏิรูปประเทศจีน
"ขณะนี้เรากำลังปฏิบัติตามหลักปรัชญาการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด" เขากล่าวระหว่างการประชุมว่าด้วยการขจัดความยากจนขั้นรุนแรง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2560
ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จีนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ โดยสามารถขจัดความยากจนสัมบูรณ์ (Absolute Poverty) จนหมดสิ้นไป และสร้างความเจริญรุ่งเรืองระดับปานกลางให้แก่ประชาชน 1.4 พันล้านคนทั่วประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังมีรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงต่อหัวอยู่ที่ 35,128 หยวน (ราว 4,940 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2564 หรือพุ่งขึ้น 112.8% จากปี 2555 ขณะที่อัตราส่วนรายได้ในเมือง-ชนบท แคบลงเหลือ 2.5:1
ย้อนกลับไปในปี 2538 เมื่อครั้งที่นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเทศบาลนครฝูโจว นักข่าวของซีเอ็มจีได้ถามถึงเป้าหมายในชีวิตของเขา
"ผมเชื่อว่าเป้าหมายของผมคือการเติมเต็ม คือการทำสิ่งที่มีความหมายให้กับประชาชน"
https://news.cgtn.com/news/2023-06-16/-For-the-good-of-my-people-Xi-Jinping-s-passion-to-serve-1kGvwoXi7Kw/index.html
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit