ไบเออร์มองเห็นตลาดที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นกว่าสองเท่า และศักยภาพที่จะกำหนดรูปแบบของเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปบนพื้นที่กว่า 400 ล้านเอเคอร์

26 Jun 2023

  • ไบเออร์คาดการณ์ว่าจะสามารถเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรและตลาดใกล้เคียงที่มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านยูโร
  • ไบเออร์ดำเนินธุรกิจอย่างมีศักยภาพ ประมาณการสร้างยอดขายมากกว่า 3 หมื่นล้านยูโรเพื่อส่งเสริมแนวทางการทำเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป รวมถึงสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกและการบรรเทาปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงให้กับเกษตรกร
  • ผสานเทคโนโลยีสู่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ อาทิ ระบบปลูกข้าวโพดอัจฉริยะ Preceon เทคโนโลยี (next-generation) เพื่อให้ได้ลักษณะพันธุ์พืชที่สามารถควบคุมแมลงและวัชพืชในข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีลูกผสม ข้าวที่ปลูกโดยการหว่านเมล็ด สารกำจัดวัชพืชโมเลกุลใหม่ ตลอดจนสารกำจัดเชื้อราสองชนิดใหม่
  • นำเสนอเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรม อาทิ ทางเลือกสู่ปุ๋ยสังเคราะห์ พืชคลุมดินพิเศษ และเครื่องมือสำหรับฟาร์มคาร์บอน (carbon farming) ที่จะส่งเสริมศักยภาพการเติบโต และช่วยเพิ่มผลผลิต ในขณะเดียวกันก็ยังอนุรักษ์ดินรวมถึงช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการทำการเกษตร
ไบเออร์มองเห็นตลาดที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นกว่าสองเท่า และศักยภาพที่จะกำหนดรูปแบบของเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปบนพื้นที่กว่า 400 ล้านเอเคอร์

ไบเออร์ประกาศถึงแผนการดำเนินธุรกิจแผนกครอปซายน์ ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพในระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป (regenerative agriculture) ช่วยสนับสนุนการเติบโตในตลาดใกล้เคียง นอกเหนือจากธุรกิจหลักด้านเมล็ดพันธุ์ คุณลักษณะพันธุ์พืช ผลิตภัณฑ์อารักขาพืช และดิจิทัล โดยในการประชุมสุดยอดนวัตกรรม 2566 ของไบเออร์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ณ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา บริษัทได้กำหนดกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศักยภาพในการเติบโต อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล ผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ ฟาร์มคาร์บอน บริการแอปพลิเคชันที่แม่นยำ ตลอดจนแพลตฟอร์มดิจิทัลและตลาดซื้อขายบนออนไลน์ ทั้งหมดนี้จะตอบโจทย์ความต้องการด้านการเกษตร บริษัทคาดการณ์โดยภาพรวมว่าธุรกิจจะมีมูลค่าสูงกว่า 1 แสนล้านยูโรต่อปีในตลาดใกล้เคียง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตในตลาดเพิ่มขึ้นสองเท่า จากในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 แสนล้านยูโรสำหรับแต่ละหน่วยธุรกิจหลัก นอกจากนั้น ภายในช่วงกลางทศวรรษหน้า ไบเออร์มีแผนจะสร้างระบบการเกษตรปฏิรูปบนพื้นที่มากกว่า 400 ล้านเอเคอร์ โดยสร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำของไบเออร์

ภายในการประชุมสุดยอดนวัตกรรม 2566 จัดขึ้นที่นิวยอร์ก ได้มีการจัดแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการผสมผสานการวิจัยและพัฒนาด้านเมล็ดพันธุ์ คุณลักษณะพันธุ์พืช และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช โดยเป็นการผนวกผลิตภัณฑ์และบริการแบบระบบองค์รวม ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาวจากการผลักดันแผนการเติบโตเพื่อขับเคลื่อนระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป

"เรากำลังทำให้เห็นถึงบทบาทของเราที่กว้างขึ้นในภาคการเกษตร ด้วยสุดยอดรูปแบบนวัตกรรมในอุตสาหกรรมและตำแหน่งผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์ คุณลักษณะพันธุ์พืช และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช ไบเออร์จึงมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของเกษตรกรทั้งในด้านความมั่นคงทางอาหารและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง" Rodrigo Santos ประธานแผนกครอปซายน์และสมาชิกคณะกรรมการบริหารของไบเออร์ เอจีกล่าว "สำหรับไบเออร์ ระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปเป็นการเพิ่มผลผลิตทางอาหารและผลประกอบการจากการทำการเกษตร ตลอดจนการบรรเทาปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง พร้อมไปกับการฟื้นฟูธรรมชาติ และเราจะส่งมอบนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่มุ่งเน้นระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปเป็นหลัก นอกจากนั้นเรามองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ เพื่อช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ทั้งด้านผลผลิต ผลประกอบการ และความยั่งยืน"

มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป

เกษตรกรทั่วโลกจะเข้าถึงนวัตกรรมชั้นนำที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ยังจะช่วยฟื้นฟูดินและลดผลกระทบด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นจากการทำการเกษตร โดยสามารถปรับให้เหมาะสมตามลักษณะของพืชได้ สำหรับพื้นที่การเกษตรในอนาคต ข้อมูลที่ได้จากพื้นที่ทำการเกษตรและปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น จะมีความสำคัญต่อเกษตรกร เทียบเท่ากับ ปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรผลิตได้ในแต่ละพื้นที่ ในอนาคตข้างหน้า ไบเออร์จะมุ่งเน้นการลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นรากฐานสำคัญสำหรับระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปซึ่งรวมถึงผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีทางสังคมและเศรษฐกิจของเกษตรกรและชุมชน การอนุรักษ์น้ำ การบรรเทาปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง สภาพดินที่ดีขึ้น ตลอดจนการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

ดังนั้นธุรกิจหลักของไบเออร์ ที่มีผลิตภัณฑ์อารักขาพืช เมล็ดพันธุ์ คุณลักษณะพันธุ์พืช และผลิตภัณฑ์ด้านดิจิทัลจะมีตำแหน่งทางการตลาดที่ดีที่สุดในการเติบโตและจะผลักดันการเติบโตที่สำคัญในทุกๆ ปี บริษัทกำลังลงทุนเพื่อเร่งส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการตามความต้องการของเกษตรกร เทคโนโลยีสู่การเปลี่ยนแปลงในระยะท้ายจะถูกรวมเข้าด้วยกันกับการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก รวมถึงการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์และสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี

การดำเนินธุรกิจสู่แนวหน้าในอุตสาหกรรมจะนำมาซึ่งการปฏิรูปด้านการเกษตร

ในปี 2565 เราได้ดำเนินการ 15 โครงการด้านการเกษตร ได้แก่สารสำคัญในผลิตภัณฑ์อารักขาพืช คุณลักษณะพันธุ์พืช และโมเดลดิจิทัลใหม่ๆ ซึ่งไบเออร์ได้มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในธุรกิจเมล็ดพันธุ์จนได้ผลิตภัณฑ์เชิงผสมผสานและเชิงประยุกต์ทางความหลากหลายใหม่ๆ 500 รายการ รวมถึงได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในธุรกิจผลิตภัณฑ์อารักขาพืช จนเปิดตัวสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ 10 สูตรและขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 250 รายการ การลงทุนในการวิจัยและพัฒนามูลค่า 2.6 พันล้านยูโรก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการพิเศษในปี 2565 ยังคงดำเนินต่อไปตามแผนดำเนินธุรกิจที่คาดว่าจะมียอดขายโดยประมาณกว่า 3 หมื่นล้านยูโร โดยครึ่งหนึ่งของยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่

"วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนนำมาซึ่งการลงทุนแบบก้าวหน้า เป็นการลงทุนในแพลตฟอร์มนวัตกรรมทั้งหมด 5 ด้านของเรา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ เทคโนโลยีชีวภาพ เคมี ชีวภาพ และวิทยาการข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ แต่ละแพลตฟอร์มมีการผสานรวมนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อช่วยให้เราสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดของพวกเรา" Dr. Robert Reiter หัวหน้าส่วนงานการวิจัยและพัฒนา แผนกครอปซายน์ของไบเออร์กล่าว "เกษตรกรต้องการพันธุ์พืชที่ดีที่สุดพร้อมด้วยลักษณะสายพันธุ์ที่ดีที่สุด รวมถึงต้องการโปรแกรมเพื่อการเพาะปลูกที่มีการอ้างอิงจากข้อมูล เพื่อให้สามารถวางแผนเรื่องเวลาและสถานที่ในการเพาะปลูกได้ นอกจากนี้ เกษตรกรต้องการผลิตภัณฑ์โมเลกุลเล็กเพื่อปกป้องรักษาพืชที่สร้างผลกระทบน้อยควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์และบริการทางชีวภาพสำหรับระยะปลายของฤดูเพาะปลูก รวมทั้งแอปพลิเคชันที่แม่นยำเพื่อปกป้องพืชผลของพวกเขาได้อย่างยั่งยืน เรามีผลงานเชิงลึกและผลงานที่เราภูมิใจเกี่ยวกับความสำเร็จในการเปลี่ยนรูปแบบนวัตกรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงและมีมูลค่าสำหรับเกษตรกร"

การดำเนินด้านวิจัยและพัฒนาของไบเออร์ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่น่าสนใจใหม่ๆ ดังนี้

  • เทคโนโลยีปรับปรุงลักษณะพันธุ์เพื่อการเปลี่ยนแปลง บริษัทกำลังพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อาทิ ระบบปลูกข้าวโพดอัจฉริยะ Preceon ที่ช่วยลดความสูงของต้น ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกร รวมถึงลดความเสี่ยงการสูญเสียผลผลิตเนื่องจากลมแรง จากการใช้ผลิตภัณฑ์อารักขาพืชที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำและออกฤทธิ์ยาวนาน การใช้สารอาหารเสริม และความสามารถในการปรับปรุงต้นทุน ประชากรการเพาะปลูก และการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกผ่านเครื่องมือดิจิทัล วิธีการที่เป็นระบบรวมอยู่ในเครื่องมือดิจิทัลเพื่อช่วยในการเพาะปลูกและแสดงการเปลี่ยนแปลงจากการขายปัจจัย (inputs) ในการเพาะปลูกไปสู่การขายผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการแก้ปัญหา มีการพัฒนาข้าวโพดต้นเตี้ยรุ่นแรกสำหรับการวางจำหน่ายผ่านการปรับปรุงพันธุ์และคาดว่าในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษนี้จะมีการสร้างเทคโนโลยีโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพสำหรับพืช รวมถึงจะเพิ่มพันธุ์ลูกผสมและขยายไปยังพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ได้ทำการพิจารณาเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพของลักษณะพันธุ์ข้าวโพดต้นเตี้ยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในกระบวนการเพื่ออนุมัติในอนาคตต่อไป ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปรับปรุงโปรตีน เทคโนโลยีทางพันธุกรรมชนิด RNAi และเทคโนโลยีชีวภาพ ไบเออร์สามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่เพื่อคุณลักษณะพันธุ์พืช เช่น ข้าวโพดต้นเตี้ยในรุ่นปัจจุบัน ลักษณะพันธุ์ที่สามารถควบคุมแมลงในรุ่นถัดไป ลักษณะพันธุ์ที่ควบคุมหนอนทำลายรากข้าวโพดในรุ่นที่สาม เพื่อช่วยเกษตรในการควบคุมแมลงและวัชพืชสำหรับผลิตภัณฑ์ข้าวโพดพันธุ์ต้นเตี้ยนี้ สารจำกัดแมลงและวัชพืชในถั่วเหลืองสายพันธุ์ต่างๆ ของไบเออร์ที่มีกลไกการออกฤทธิ์ได้หลากหลายสำหรับประเทศบราซิล ซึ่งจำเป็นต่อการจัดการแมลงและศัตรูรบกวนที่เปลี่ยนไป รวมถึงความท้าทายของวัชพืชที่ดื้อต่อสารกำจัดวัชพืชที่พบบ่อยในสภาพแวดล้อมเขตร้อน
  • โมเลกุลขนาดเล็กเพื่อความยั่งยืน มีการคาดการณ์ว่าแนวทางใหม่ในผลิตภัณฑ์อารักขาพืชจะเป็นตัวกำหนดอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงการพัฒนากลไกการออกฤทธิ์ใหม่ทั้งหมดสำหรับสารกำจัดวัชพืชในการควบคุมวัชพืชในพื้นที่กว้าง ซึ่งเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา ผลการศึกษาวิจัยโมเลกุลนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการควบคุมวัชพืชที่ดื้อต่อยา และคาดว่าจะสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ในระยะท้ายของทศวรรษนี้ ตัวอย่างเพิ่มเติมจากการศึกษาวิจัยระยะที่ 3 เช่น สารกำจัดเชื้อราออกฤทธิ์กว้างตัวใหม่สำหรับธัญพืช ข้าวโพด ผลไม้ และผักที่อาจได้รับความนิยม รวมถึงสารกำจัดเชื้อราในพืชสวนออกฤทธิ์กว้างตัวใหม่จากการศึกษาวิจัยระยะที่ 2 ที่มีโอกาสที่จะขยายไปยังธัญพืชและน้ำมันเมล็ดผลองุ่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยไบเออร์ในการออกแบบการอารักขาพืชรุ่นถัดไปที่สร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับปรุงและมีขอบเขตการใช้งานในลักษณะที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น การใช้เทคโนโลยี PROTAC ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือกับ Oerth Bio โดยออกแบบมาเพื่อตอบสนองกับโปรตีนเป้าหมายเพียงชนิดเดียวและสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อการอารักขาพืชเท่านั้น นอกจากนี้ ไบเออร์กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันของสารเคมีที่มีอยู่ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI

รูปแบบนวัตกรรมต่างๆ ของไบเออร์จะขับเคลื่อนวิวัฒนาการทางการเกษตรโดยการจัดหาเครื่องมือ เทคโนโลยี และทางเลือกต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปในอนาคตให้กับเกษตรกร ผลิตภัณฑ์เพื่อสายพันธุ์ของเมล็ดพันธุ์ที่มีความแม่นยำจะช่วยเร่งให้ได้มาซึ่งสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตตามลักษณะทางพันธุกรรมที่สำคัญ และจะเป็นการอารักขาพืชด้วยลักษณะพันธุ์ที่เปลี่ยนรูปแบบการจัดการ ซึ่งช่วยให้การทำฟาร์มแบบไม่ไถพรวนสามารถปรับปรุงสภาพดินได้ ไบเออร์จะสร้างอนาคตแห่งระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป โดยการผสมผสานระหว่างโมเลกุลขนาดเล็กเชิงนวัตกรรมกับผลิตภัณฑ์และบริการทางชีวภาพที่ช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและลดปัญหาสารตกค้าง รวมถึงการตรวจสอบการปรับปรุงดินผ่านเครื่องมือดิจิทัลและเทคโนโลยี

ไบเออร์กับการขยายไปสู่ตลาดเกษตรกรรมใกล้เคียงที่เข้าถึงได้แห่งใหม่

นอกเหนือจากธุรกิจหลักเหล่านี้แล้ว ไบเออร์ยังมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจไปยังโอกาสทางการตลาดใหม่ ดังนี้

  • ความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลและความก้าวหน้าทางชีวภาพ เทคโนโลยีตรึงไนโตรเจนเชิงชีวภาพ จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น จากการลดการปล่อยไนโตรเจนและลดต้นทุนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและข้าวสาลี ความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นไปได้และประโยชน์ของดินที่ดีจากการลดการใช้ไนโตรเจนสังเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้เทคโนโลยีในระยะแรกของบริษัทก็ให้ผลที่ดี ในระยะปลายของแอปพลิเคชันเพื่อการอารักขาพืชที่อิงตามชีวภาพสำหรับป้องกันแมลงและควบคุมโรค บริษัทยังเล็งเห็นโอกาสจากการลดสารตกค้างในการปลูกผักและผลไม้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ด้านชีวภาพอย่าง Serenade และการเป็นพันธมิตรนวัตกรรมแบบเปิดกับ Gingko, Kimitec, M2i และ AlphaBio ทำให้ไบเออร์มีตำแหน่งทางการตลาดที่สำคัญในอุตสาหกรรมนี้ มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 พันล้านยูโรภายในปี 2578
  • เชื้อเพลิงชีวภาพ พืชคลุมดินช่วยปกป้องพื้นที่การเกษตรให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืนที่ช่วยส่งเสริมสภาพดินที่ดี สำหรับ CoverCress ที่ไบเออร์เป็นผู้ถือหุ้นหลักจะเริ่มจำหน่ายพืชคลุมดินที่มีชื่อเดียวกันให้กับผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ น้ำมันที่สกัดจาก CoverCress ได้รับการออกแบบมาเพื่อบรรลุเป้าค่าความเข้มข้นคาร์บอนที่ลดลง และสามารถนำมาสร้างเป็นเชื้อเพลิงทดแทนโดยไม่รบกวนพืชอาหาร เนื่องจากเป็นการเพาะปลูกในระหว่างฤดูกาล ด้วยการใช้งานที่เพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสทางการตลาดที่สำคัญสำหรับการเพาะปลูกที่ยั่งยืนนี้
  • ห่วงโซ่คุณค่าดิจิทัล (Digital Value Chain) ความก้าวหน้าด้านเกษตรกรรมที่แม่นยำและเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรดิจิทัลจะช่วยเพิ่มผลผลิตและความยั่งยืนในพื้นที่เพาะปลูกและแนวทางการทำการเกษตรให้กับเกษตรกร Climate FieldView กลายเป็นเครื่องมือตัดสินใจที่สำคัญ โดยมียอดสมาชิกใช้งานบนพื้นที่การเกษตรมากกว่า 220 ล้านแห่งทั่วโลก นอกจากจะให้ข้อมูลเชิงลึกทางเกษตรกรรมแบบเรียลไทม์แก่เกษตรกรแล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปรับโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อาทิ ระบบปลูกข้าวโพดอัจฉริยะ Preceon เป็นการรวมข้าวโพดลูกผสมพันธุ์ต้นเตี้ยใหม่ของไบเออร์เข้ากับคำแนะนำดิจิทัลที่ปรับให้เหมาะกับพื้นที่เพาะปลูกและเป้าหมายการปฏิบัติงานของลูกค้า นอกเหนือจากการเพาะปลูกแล้ว FieldView ยังเป็นโซลูชั่นสร้างห่วงโซ่คุณค่า โดยทำหน้าที่เป็นระบบบันทึกข้อมูลสำหรับแนวทางการทำการเกษตรที่ชาญฉลาดสำหรับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของลูกค้า และสนับสนุนการดำเนินโครงการคาร์บอนทั่วโลกของไบเออร์ รวมถึงแพลตฟอร์ม ForGround ของไบเออร์ในสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับองค์กรบนระบบคลาวด์ใหม่ Bayer AgPowered Services ที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Microsoft Azure Data Manager for Agriculture นำเสนอชุดความสามารถทางดิจิทัลขั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อเร่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร ด้วยระบบคลาวด์ใหม่ทำให้นักคิดค้นนวัตกรรมและบริษัทต่างๆ ในธุรกิจฟาร์มและห่วงโซ่คุณค่าอาหาร สามารถเร่งสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น มีความโปร่งใสกับผู้บริโภคมากขึ้น และมอบโอกาสที่เพิ่มขึ้นสำหรับเกษตรกร
  • ฟาร์มคาร์บอน ไบเออร์เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการแก้ปัญหารวมทั้งแพลตฟอร์มที่สนับสนุนเกษตรกรในการขจัดคาร์บอนในชั้นบรรยากาศและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การเพาะปลูกแบบไม่ไถพรวนในพืชที่มีลักษณะพันธุ์ทนต่อสารกำจัดวัชพืชและการใช้พืชคลุมดินสามารถช่วยปรับปรุงสภาพดิน ลดการพังทลายของดินและลดการปล่อยคาร์บอนได้ โครงการริเริ่มด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไบเออร์ (Bayer Carbon Initiative) นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ใหม่ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร โดยเชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาดคาร์บอนทั่วโลก

Rodrigo Santos กล่าวเสริมว่า "ไบเออร์อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะผลักดันการเป็นผู้นำในระบบเกษตรกรรมเชิงปฏิรูป เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนแปลงระบบเกษตรกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยั่งยืนขึ้น และมีผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อสิ่งแวดล้อม"

ไบเออร์มองเห็นตลาดที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นกว่าสองเท่า และศักยภาพที่จะกำหนดรูปแบบของเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปบนพื้นที่กว่า 400 ล้านเอเคอร์