HPV หรือ Human Papilloma Virus ที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพรอบด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ และสุขภาพทางเพศ อาจนำมาสู่การติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คู่รักอาจมองข้าม โดยละเลยการป้องกันอย่างถูกวิธี ซึ่งเชื้อเอชพีวี (HPV) สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่านทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางช่องปาก(Oral Sex) โดยโรคที่เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มีดังนี้ โรคเริม ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักได้กับทุกเพศ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้ใหญ่ เชื้อ HPV มีทั้งชนิดที่ก่อมะเร็ง และ ไม่ก่อมะเร็ง แต่หากไม่ได้รับการรักษาเชื้อจะสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
โรงพยาบาล พญาไท 2 เล็งเห็นความสำคัญ และอยากเชิญชวนทุกท่านป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV Vaccine) ได้ตั้งแต่อายุระหว่าง 9-15 ปี ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม หากอายุมากกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เคยรับวัคซีนเอชพีวี (HPV) มาก่อนแนะนำควรฉีด 3 เข็ม ยิ่งได้รับวัคซีนเร็วเท่าไหร่ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันเร็วเท่านั้น เป็นตัวช่วยสำคัญในการลดโอกาสการติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี หรือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 26-45 ปี แนะนำพิจารณาฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV) ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ อีกทั้งโรงพยาบาลพญาไท 2 ยังมีทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่พร้อมต้อนรับ เอาใจใส่ในทุกการดูแลรักษาให้อุ่นใจได้ในทุกขั้นตอน
วิธีสังเกตุความเสี่ยงลักษณะและอาการของโรคที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เริม เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Herpes Simplex Virus (HSV) แพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน รวมถึงการสัมผัสผ่านทางผิวหนัง ผู้ที่ได้รับเชื้อโรคชนิดนี้อาจส่งผลให้เชื้ออยู่ในร่างกายตลอดชีวิต ผู้ป่วยมักมีรอยถลอกของผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนบริเวณใกล้เคียง หรือตุ่มใสขนาด 1-2 มม.ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้ปัสสาวะแสบขัดจากการที่น้ำปัสสาวะทำให้เกิดการระคายเคืองที่แผล โดยอาการมักแสดงเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิคุ้มกันตก
- หูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อ HPV ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง สามารถติดต่อผ่านการเพศสัมพันธ์ทั้งเพศชายและหญิง หากผู้ที่มีเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอาจจะไม่มีอาการใดๆ คนที่ไม่แข็งแรงอาจเกิดติ่งเนื้อลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำปลีขึ้นอย่างชัดเจนในบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณง่ามขา โดยที่ผู้ป่วยอาจพบรอยโรคในหลายๆ ตำแหน่งได้
- ซิฟิลิส เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum เกิดได้ที่บริเวณช่องคลอด ทวารหนัก และปาก หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ จนส่งผลต่อระบบประสาท หัวใจ สมอง และระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยอาจมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
- หนองในแท้ เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria Gonorrhoeae สามารถเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนในเยื่อเมือกบุผิวของร่างกายอย่างง่ายดาย เติบโตในพื้นที่ที่มีความอุ่นและชื้นอย่างระบบสืบพันธุ์ ได้แก่ ปากมดลูก มดลูก ท่อนำไข่ และท่อปัสสาวะ รวมถึงบริเวณปาก ลำคอ และทวารหนัก อาการในเพศหญิง มีอาการตกขาวผิดปกติ ลักษณะเป็นน้ำ หรือเส้นบางๆ สีออกเขียวหรือเหลือง หรือตกขาวมีปริมาณมากขึ้นทำให้ปัสสาวะแล้วรู้สึกเจ็บหรือแสบ มักมีเลือดออกระหว่างรอบเดือนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือประจำเดือนมามากผิดปกติ อาการในเพศชาย มีหนองสีเหลืองหรือเขียวไหลออกมาจากส่วนปลายของอวัยวะเพศ โดยอาจเกิดขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์รู้สึกเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ และเกิดการอักเสบบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
- - หนองในเทียม เกิดจากเชื้อโรคที่ชื่อว่า Chlamydia Trachomatis แต่เป็นเชื้อคนละตัวกับ หนองในแท้ จะทำให้ร่างกายมีอาการผิดปกติ มักพบเจอบ่อยในกลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน ผู้ป่วยบางรายอาการของโรคจะไม่แสดงให้เห็น แต่สามารถแพร่กระจายต่อไปยังผู้อื่นได้หากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันอย่างถูกวิธี อาการในเพศหญิง มีอาการตกขาวที่แปลกไปจากเดิม มีลักษณะเมือกๆ ผสมกับหนอง รวมถึงกลิ่นแรงมาก ระหว่างปัสสาวะจะมีความรู้สึกแสบๆ หรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ และอาจมีเลือดออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน อาการในเพศชาย บริเวณปลายองคชาตจะมีน้ำเมือกๆ หรือขุ่นใสไหลออกมาโดยไม่ใช่ทั้งอสุจิและปัสสาวะ ระหว่างปัสสาวะจะมีความรู้สึกแสบๆ หรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ และมีอาการปวดและบวมบริเวณลูกอัณฑะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/42vg8g3
หากท่านสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีความเสี่ยง ควรรีบไปโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจ รักษา และติดตามผลการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายโรค หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายรุนแรง หรือทำให้เสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 5 อาคาร A รพ.พญาไท 2 โทร 0-2617-2444 ต่อ 5418, 5419