วายแอลจี มองภาพรวมทองคำในครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เปิด 3 ปัจจัยหนุน ทั้งความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกระทบกลุ่มลูกหนี้บานปลาย ความขัดแย้งรัสเซีย - ยูเครนยังไม่สิ้นสุด และจีนเดินหน้าตุนทองคำเข้าคลังต่อเนื่อง 7 เดือน ส่วนทองคำในประเทศคาดเคลื่อนไหวไม่หวือหวา เหตุครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซั่นนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มมาเยือนไทยคึกคัก ส่งผลค่าเงินบาทอาจแข็งค่า ฉุดราคาทองในประเทศทรงตัว แนะหากนักลงทุนต้องการปิดความเสี่ยงค่าเงินสามารถเทรดทองคำในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำได้ง่ายผ่าน แอป "เป๋าตัง" บนฟีเจอร์ส "Gold Wallet" ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการเทรดเป็นเงินบาท เริ่มต้นเพียง 100 สามารถดาวน์โหลดแอป Get Gold เทรดได้ทันที
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในภาพใหญ่ช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีโอกาสปรับตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกและมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ครึ่งปีแรกทำไว้ที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยวายแอลจีมองปัจจัยหนุนที่จะทำให้ครึ่งปีหลังราคาทองคำในภาพใหญ่จะมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ มาจาก 3 ปัจจัยดังนี้
1.ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย เม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงยืนยันเดินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่นโยบายดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของสหรัฐ ดังเห็นได้จากวิกฤตสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และตลาดยังมีความกังวลว่านโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ของบรรดาลูกหนี้โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเร็วขึ้น
2.ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อและคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก แม้ว่าจะไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ยุติ สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันจึงอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
3.จีนทำการสะสมทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 7 เดือน ล่าเดือนเดือน พ.ค. 2566 จีนสะสมทองคำรวมทั้งสิ้น 2,092 ตัน โดยมองว่าการสะสมทองคำนี้ เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีนและสหรัฐ
อย่างไรก็ดีในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะยังทรงตัว ใกล้เคียงครึ่งปีแรก เนื่องจากมองว่าครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และค่าเงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดังนี้หากนักลงทุนต้องการลงทุนในทองคำสามารถลงทุนในรูปของดอลลาร์สหรัฐเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยในส่วนของนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนทองคำในรูปของดอลลาร์สหรัฐนั้น สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเกชัน "เป๋าตัง" บนฟีเจอร์ส Gold Wallet ที่มีจุดเด่นอีก 4 ด้าน คือ 1. ซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ 2. ซื้อ-ขาย ทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม 3. เพิ่มทางเลือกในการซื้อ-ขายทองคำความบริสุทธิ์ 99.99 ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการซื้อขายในรูปของเงินบาทนั้น สามารถซื้อขายผ่านแอปพลิเกชัน "Get Gold" แพลตฟอร์ม ซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ลงทุนเริ่มต้นเพียง 100บาท สามารถซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในแต่ละวัน สามารถขายทำกำไรได้ทันทีที่ต้องการ เมื่อทำการขายแล้วสามารถถอนเป็นเงินออกมา หรือ สะสมทองคำจนครบ 1 กรัม แล้วทำการขายเพื่อแลกเป็นทองคำแท่ง ได้ทั้งทอง 96.5% และ 99.99% ซึ่งทาง YLG ร่วมกับไปรษณีย์ไทยในการบริการส่งทองคำถึงหน้าบ้าน พร้อมทำประกันเรื่องความปลอดภัยในการส่ง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit