เทพหุ้นสแกน EKH เชียร์ "ซื้อ"เคาะเป้า 9 บ./หุ้น ประเมินครึ่งปีหลังโตรับไฮซีซั่น - คาดกำไรปีนี้พุ่ง14%

06 Sep 2023

กูรูหุ้นจาก บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) มองผลงานครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง รับธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของฤดูฝน ทำให้จำนวนคนไข้เข้าใช้บริการมากขึ้น รวมถึงบริการฟอกไตและคนไข้ ICU จากการเพิ่มจำนวนเตียง พร้อมประเมินแนวโน้มรายได้ปี 2023 จะเติบโต 7-10% ส่วนกำไรทั้งปีคาดอยู่ที่ 256 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน ประเมินราคาเป้าหมาย 9 บาทต่อหุ้น

เทพหุ้นสแกน EKH เชียร์ "ซื้อ"เคาะเป้า 9 บ./หุ้น ประเมินครึ่งปีหลังโตรับไฮซีซั่น - คาดกำไรปีนี้พุ่ง14%

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) โดยประเมินแนวโน้มรายได้ปี 2023 จะเติบโต 7-10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมองว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังของ EKH จะเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของฤดูฝน ทำให้มีคนไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามาใช้บริการมากขึ้นจากไข้หวัดธรรมดา,ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก เป็นต้น รวมถึงการให้บริการฟอกไต และคนไข้ ICU ที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มเตียงในช่วงปลายไตรมาส1/2023 ขณะที่คนไข้ IVF เริ่มทยอยกลับมาตามที่คาด จากการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ประมาณการกำไรปกติปี 2023 ไว้ที่ 256 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยกำไรปกติครึ่งปีแรกคิดเป็น 49% ของทั้งปี

ความน่าสนใจของ EKH ปัจจุบันมีอัตราการครองเตียงค่อนข้างสูงราว 85% อีกทั้งยังมีแผน Renovate แผนก ICU จำนวน 7 เตียงในปี 2024 และยังมีแผนขยายอาคาร C ในปี 2026 จำนวนประมาณ 60 เตียง เพื่อรองรับคนไข้ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนการลงทุนร่วมกับ WPH ที่จะสร้าง รพ.คูน อ่าวนาง จ.กระบี่ นั้นคาดว่าจะเปิด รพ.ในปี 2025

อย่างไรก็ตามราคาหุ้น Underperform SET-3% ในช่วง 3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ของรพ. ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึง แนะนำ ซื้อ มองว่าครึ่งปีแรกเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่าครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานจะเติบโตต่อเนื่อง จากการเริ่มกลับมาของลูกค้าคนจีนมากขึ้น จากการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโรงพยาบาล โดย Valuation น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบัน EKH เทรดอยู่ 2023 PER ที่ 19.91 เท่า(-0.75SD) Below 5-Yr average PER) คงราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท