บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืน เดินหน้าปลูกป่าในจังหวัดกำแพงเพชรในพื้นที่ 800 ไร่ ชดเชยคาร์บอน 4,289 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ถือเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รายแรกที่เข้าร่วมโครงการ มุ่งหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ตามกลยุทธ์ 4 มิติในการลดปัญหาโลกร้อน
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายหลักของกลุ่มยามาฮ่ามอเตอร์ทั่วโลกในการพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า "ภารกิจหลักองค์กรของกลุ่มยามาฮ่ามอเตอร์คือการเป็น "บริษัทผู้สร้าง Kando" ซึ่งยามาฮ่ามุ่งมั่นที่จะมอบความสุข ความตื่นเต้นเร้าใจ เหนือความคาดหวังของลูกค้าให้กับผู้คนทั่วโลกผ่านผลิตภัณฑ์ และบริการของเรา ในขณะเดียวกัน ยามาฮ่ายังให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมโลก โดยพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและลดภาระทางสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดตามนโยบาย Sustainability Development Goals 17 (SDGs 17) ขององค์การสหประชาชาติ เรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) และเรื่องการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก Life on Land จึงนำมาสู่เป้าหมายของบริษัทกลุ่มยามาฮ่ามอเตอร์ทั่วโลก รวมถึงบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นการทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มีเป้าหมายจะบรรลุเป้าหมายในปี 2065"
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ ไทยยามาฮ่า ว่า "บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินงานภายใต้นโยบาย เป้าหมาย และมาตรการเดียวกับบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่หยุดยั้งที่จะเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดกลยุทธ์ 4 มิติในการดำเนินงาน ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1: การจัดตั้งคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ ปี 1996 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ ทั้ง กลุ่มยามาฮ่ามอเตอร์ทั่วโลก และ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด โดยคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยพนักงานทุกระดับ ร่วมกันดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และบรรลุเป้าหมาย เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน
กลยุทธ์ที่ 2: การนำ 4 หลักการมาใช้ในการจัดการ เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ประกอบด้วย
กลยุทธ์ที่ 3: การวิเคราะห์ทางด้านพลังงาน เช่น การนำระบบการตรวจวัดแบบ real-time เพื่อจะสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำ เพื่อสามารถที่จะนำข้อมูลนั้นๆมาดำเนินการจัดทำเป็นมาตรการ หรือโครงการต่างๆ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ที่ 4: ความตระหนักเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน เน้นการให้ความรู้ และสร้างความตระหนักแก่พนักงาน ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ และการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ที่เหมาะสมแต่ละฟังก์ชันงานและความรับผิดชอบของพนักงาน เน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จ
ในโอกาสนี้ ทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมกับจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งภาครัฐ และภาคประชาสังคม กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย ใน "กิจกรรมยามาฮ่า ปลูกป่ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ" เพื่อเป็นการชดเชย 8% สอดรับกับแผนการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายในพื้นที่ 800 ไร่ หรือนับเป็นการปลูกต้นไม้ 160,000 ต้น เพื่อชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณ 4,289 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยได้รับความร่วมมือจากท่านบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร และชาวบ้านในพื้นที่บ้านลานกระทิง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นผู้ปลูกและบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับกรมป่าไม้ ในการช่วยอนุเคราะห์จัดสรร ที่ดินป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แบ่งปันคาร์บอนเครดิต ร่วมตรวจติดตามการเจริญเติบโตและรักษาผืนป่า
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนจะขยายให้ครบ 1,500 ไร่ ซึ่งนอกจากจะชดเชยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้แล้ว ยังเป็นการปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน ช่วยหยุดการเสื่อมโทรมของดิน รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ถือเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รายแรกที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างแท้จริง".
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ในครั้งนี้ว่า "กรมป่าไม้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน "กิจกรรมยามาฮ่า ปลูกป่ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ" และสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับกลุ่มยามาฮ่ามอเตอร์ทั่วโลก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ในการปลูกป่าให้เกิดผลสัมฤทธิ์ร่วมกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางความร่วมมือการปลูกและบำรุงรักษาป่าปลูกใหม่ รวมทั้งบำรุงรักษาและฟื้นฟูป่า ทั้งยังเป็นเครื่องมือในการเพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน เป็นต้นกำเนิดของความหลากหลายทางชีวภาพและแหล่งอาหารของสัตว์ป่านานาชนิด โดยส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) กรมป่าไม้ได้จัดสรรพื้นที่ปลูกป่า จำนวน 800 ไร่ ทั้งหมด 4 แปลง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ระกา อำเภอเมืองกำแพงเพชร และอำเภอพรานกระต่าย และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเขียว เขาสว่าง และป่าห้วยทราย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชรและมีแผนการจัดสรรพื้นที่สำหรับปลูกป่า ในปีต่อ ๆ ไป เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่สีเขียว รวมทั้งแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบของคาร์บอนเครดิต เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่สีเขียว และสร้างสรรค์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้กับสังคมไทยอย่างต่อเนื่องสืบไป"
นอกจาก "กิจกรรมยามาฮ่าปลูกป่ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ" แล้ว บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และกลุ่มบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศไทย ยังไม่หยุดยั้งที่จะทำตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่วางไว้ โดยตั้งเป้าจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ และวิธีการจัดการที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การติดตั้งแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานขนาดใหญ่ (Power Storage) รวมถึงการบุกเบิกใช้พลังงานสะอาดอื่น ๆ เช่น พลังงานไฮโดรเจน เป็นต้น
HTML::image(