สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต จับมือกรมเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเพชรบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามการแก้ไขปัญหาประเด็นการรุกล้ำลำน้ำของรีสอร์ทและโรงแรม ในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ พร้อมกำหนดระยะเวลารื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำภายใน 1 เดือน
นายสำนาน มีศิริ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ริมน้ำแก่งกระจานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้ประกอบการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำเพิ่มมากขึ้น สำนักงาน ป.ป.ช. จึงบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบ เบื้องต้นได้พบว่า ลักษณะของการรุกล้ำลำน้ำของผู้ประกอบการรีสอร์ท เป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะถาวรยื่นเข้ามาในบริเวณลำน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางน้ำ และอาจเสี่ยงเกิดอุทกภัยหากมีปริมาณน้ำฝนมาก
ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบุรี จึงได้ทำข้อตกลงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัดเพชรบุรี โดยมีการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ได้แก่ ร่วมลงพื้นที่สำรวจและสังเกตุการณ์ ตรวจสอบสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่ตำบลแก่งกระจาน และตำบลสองพี่น้อง ระยะทาง 30 กิโลเมตร พร้อมประชุมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท เพื่อขอให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ กำหนดระยะเวลา ภายใน 1 เดือน เบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ
นอกจากนี้ ในส่วนของกรมเจ้าท่า ก็ได้มีการเน้นย้ำเรื่องของข้อกฎหมาย เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ที่อาจจะยังไม่ทราบว่าการสร้างสิ่งปลูกสร้างยื่น ล่วงล้ำลำน้ำสาธารณะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยเมื่อปี 2560 กรมเจ้าท่าได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยโดยออกประกาศฉบับที่ 17 พ.ศ.2560 เพื่อควบคุมการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแม่น้ำ ลำคลองทะเล ชายหาดสาธารณะประโยชน์ เพื่อประโยชน์ในการรักษาลำน้ำสำหรับการพาณิชยนาวีการเกษตรกรรมและการป้องกันอุทกภัยซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.60 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2560 โดยมีสาระสำคัญคือปรับปรุงแก่ไขค่าปรับทางแพ่งแก่ผู้รุกล้ำจากเดิม 500-10,000 บาท ต่อ ตร.ม. เพิ่มเป็น 2 เท่า คือ เพิ่มเป็น 1,000 - 20,000 บาท ต่อ ตร.ม. เพิ่มโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี อีกทั้ง ในส่วนของกรมเจ้าท่า ก็ยังได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำของประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศเข้ามาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพตรวจสอบเส้นทางน้ำ รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำน้ำทั่วประเทศ เพื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายในอดีต พร้อมดำเนินการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จริงว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้างอาคารที่เป็นลักษณะกีดขวางทางน้ำ โดยทำงานเชิงรุกร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบุรี เพื่อแก้ปัญหาการรุกล้ำลำน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit