"คอปเปอร์ ไวร์ด หรือ CPW" หนึ่งในผู้นำตลาดเทคโนโลยี และสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ลั่นผลงานปี 2565 เยี่ยมยอดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ รายได้โตตามเป้า 40% ส่วนกำไรโต 4.79% โกย 7,319.18 ล้านบาท และ 89.78 ล้านบาท ตามลำดับ ย้ำปี 2566 ลุยต่อชัดเจนกับสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นดี เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทำกำลังซื้อซึมหลายปี มั่นใจปีนี้พร้อมปังต่อหลังใช้หนี้ระยะยาวและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรับโอนกิจการ IBIZ Plus เหมือนปีก่อน ด้านบอร์ดเคาะเตรียมจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น ประชุมผู้ถือหุ้น 20 เมษายนนี้
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำปี 2565 ทั้งรายได้และกำไรเติบโตดี โดยเฉพาะรายได้ที่ทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายว่าจะโต 40% จากปี 2564 อยู่ที่ 7,319.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.50% เทียบกับปีก่อนที่ 5,246.76 ล้านบาท ขณะที่กำไรปี 2565 ทำได้ 89.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.79% จากปีก่อนที่ 85.68 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.15 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 0.14 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ ในปี 2565 CPW มีการระบุค่าใช้จ่ายจากการซื้อและรับโอนกิจการและทรัพย์สินหลายรายการของ IBIZ Plus มีจำนวนทั้งหมด 24.69 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว 6.54 ล้านบาท ดอกเบี้ยจากเจ้าหนี้ค่าซื้อธุรกิจ 5.90 ล้านบาท และ ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน 12.25 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวเฉพาะในไตรมาส 4 จำนวน 7.30 ล้านบาท อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายประเภทค่าเช่า การจ้างงานพนักงานร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ IBIZ Plus มา
อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้จากการขายและบริการรวมกัน 98.80% ซึ่งรายได้จากการขายและบริการสุทธิของปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 38.72 % เนื่องจากมีการขายโทรศัพท์มือถือ สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และการขายผ่านช่องทางการค้าส่งและค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ บริษัท ไอบิสพลัส เน็ทเวอร์ค จำกัด (IBIZ Plus) ขณะที่รายได้อื่นๆ มีสัดส่วนเพียง 1.20 % มาจากค่าสนับสนุนการเปิดร้านค้าใหม่จาก Apple
ทั้งนี้ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกที่มีรายได้บริหารงานทั้งหมด 105 สาขา ลดลงจากปีก่อนที่มี 107 สาขา แบ่งเป็น ร้านดอทไลฟ์ จำนวน 24 แห่ง ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 23 แห่ง ศูนย์บริการ iServe จำนวน 3 แห่ง ร้าน AIS จำนวน 27 แห่ง ร้าน Samsung จำนวน 19 แห่ง และ ร้าน Xiaomi จำนวน 9 แห่ง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยทำได้ 12.76% เทียบกับปี 2564 12.60% เนื่องจากมีการขายดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายสูงกว่าสินค้าอื่น และอัตรากำไรสุทธิปรับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.23% เทียบกับปีก่อนที่ 1.63% และมีหนี้สินที่ลดลง 361.12 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,112.21 ล้านบาท โดยลดลงจากเจ้าหนี้ในค่าซื้อธุรกิจจำนวน 243.68 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงประมาณการ และมีการจ่ายเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินไป
ล่าสุด ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 0.08 บาท/หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 10 มีนาคม นี้ และจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2566 นี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit