บล.เกียรตินาคินภัทร ระดมกูรูให้ข้อมูลทิศทางการลงทุน เตรียมรับคลื่นเศรษฐกิจโลกถดถอย ในเวทีสัมมนาแฟล็กชิปประจำปี THE YEAR AHEAD 2023

26 Jan 2023

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี THE YEAR AHEAD 2023 ภายใต้หัวข้อ The Future of Wealth ระดมกูรูทั้งในและต่างประเทศฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจและปัจจัยสำคัญที่กระทบการลงทุนเพื่อติดอาวุธนักลงทุนรับมือเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และการเมืองระหว่างประเทศเปราะบางให้กับลูกค้าบุคคลกลุ่ม High Net Worth เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการลงทุนจากทั้งภายในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรและพันธมิตร อาทิ Blackstone, Brookfield Asset Management, Oaktree Capital Management, บลจ.ไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, Baker McKinzie, Henley & Partners และ Art Tank Group

บล.เกียรตินาคินภัทร ระดมกูรูให้ข้อมูลทิศทางการลงทุน เตรียมรับคลื่นเศรษฐกิจโลกถดถอย ในเวทีสัมมนาแฟล็กชิปประจำปี THE YEAR AHEAD 2023

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวเปิดงานThe Year Ahead 2023 ภายใต้ธีม The Future of Wealth ว่าโดยสาระแล้ว ความมั่งคั่งคือผลลัพธ์ของผลิตภาพที่มนุษย์แต่ละคนสามารถสร้างขึ้นมาและเป็นแรงผลักดันสังคมมนุษย์ให้ก้าวไปข้างหน้า ดังนั้น ในฐานะที่กลุ่มธุรกิจฯ ได้มีส่วนร่วมดูแลบริหารจัดการการลงทุนให้กับลูกค้า ภารกิจดังกล่าวจึงไม่เพียงนับเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้กับปัจเจกบุคคล แต่ยังเป็นส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้

"ความมั่งคั่งคือผลิตภาพ หรือ Productivity ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและสะสมไว้ในรูปแบบของเงินและทรัพย์สิน กระบวนการจัดสรรทรัพยากรที่ดีจะเพิ่มความมั่งคั่งให้กับส่วนที่สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ระบบเศรษฐกิจ หน้าที่ของกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร คือช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกและจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้นำไปสู่ประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและต่อระบบมหภาค" นายบรรยง กล่าว

ด้านดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ให้มุมมองต่อทิศทางของเศรษฐกิจและปัจจัยสำคัญที่กระทบการลงทุนว่า ภูมิทัศน์การลงทุนในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยสิ่งที่จะไม่มีวันหวนกลับไปเป็นเหมือนช่วงสิบปีที่ผ่านมา ได้แก่

  1. การย้ายฐานการผลิตกลับสู่ประเทศหรือประเทศใกล้เคียง
  2. การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีของจีน โดยประเทศสหรัฐอเมริกา และพันธมิตร
  3. ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่จะยืดเยื้อ ทำให้ราคาพลังงานและอาหารสูงต่อไป
  4. กลุ่มประเทศยุโรปหันมาผลิตและใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม
  5. กลุ่มประเทศเอเชียลดการสะสมเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการค้าโลกที่น่าจะลดลง

นอกจากนั้น ดร.ศุภวุฒิ ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจ ซึ่งมีธุรกิจ Semiconductor เป็นหัวใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมากกว่า 10 ปี แต่กลับมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก

"กระดูกสันหลังที่สนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีคือชิพ Semiconductor ที่อยู่ในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์รอบตัว ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงรถยนต์สมัยใหม่ แต่ผู้ผลิตชิพเหล่านี้มีน้อยราย เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูง และความผิดพลาดระหว่างการผลิตที่เกิดขึ้นได้ง่าย อย่างไรก็ตาม TSMC ซึ่งเป็นผู้นำตลาด Semiconductor ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% กลับมีฐานผลิตในไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่อ่อนไหวด้านการเมืองต่อประเทศจีนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังพึ่งพาการนำเข้าพลังงานถึงกว่า 98% ดังนั้นหากจีนและไต้หวันเกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะผ่านทางการเมืองของสองประเทศโดยตรงหรือผ่านการกดดันจากประเทศสหรัฐอเมริกา ย่อมทำให้การผลิตชิพ Semiconductor เกิดความล่าช้าหรือขาดแคลน ราคาเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะปรับตัวขึ้น และนำไปสู่เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในวงกว้าง" ดร.ศุภวุฒิ กล่าว

ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคินภัทร ได้แก่ นายธีระพงษ์ วชิรพงศ์ ประธานสายงานวิจัย ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ดร.จอน วงศ์สวรรค์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การลงทุน นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน และนายพงศธร ลีลาประชากุล นักวิเคราะห์การลงทุนต่างประเทศ ได้ให้มุมมองต่อการลงทุนประจำปี 2566 ว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัว อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบอ่อนๆ และประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากผลพวงของการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ปรัชญาการลงทุนแบบกระจายสินทรัพย์ (Asset Allocation) จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งและสินทรัพย์นอกตลาดจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

ด้านนายโจนาธาน เกรย์ ประธานบริษัท แบล็คสโตน บริษัทจัดการสินทรัพย์ผู้นำด้านไพรเวทอิควิตี้ของโลก กล่าวแนะนำถึงการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงและเงินเฟ้อจะกดดันการลงทุนต่อไป การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกนั้นน่าสนใจ โดยปัจจุบัน นักลงทุนสถาบันเริ่มหันมาลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกมากขึ้น ผู้ลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และแบ่งสรรเงินมาลงทุนในกองทุนอสังหาฯ นอกตลาดเพื่อเปิดรับโอกาสการเติบโตที่ดีในระยะยาว