กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.50% ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากการเปิดประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน โดยการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนการจ้างงานและรายได้ของภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีจำนวนมาก ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอลงในปีนี้ แต่จะฟื้นตัวในปี 2567 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566 ก่อนจะปรับดีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงด้านต่ำลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักรวมถึงจีนที่ปรับดีขึ้น
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทซื้อขายเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 10 เดือน ซึ่งอยู่ที่ราว 32.80 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ เงินบาทในปีนี้แข็งค่ามากถึง 5.0% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ของตลาดที่มีต่อทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ และการกลับมาเปิดประเทศของจีนเร็วกว่าคาด คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ย้ำว่าจะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและความเคลื่อนไหวของค่าเงินอย่างใกล้ชิด
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 29 มีนาคม 2566 ขณะที่ กนง. ระบุว่าสถานการณ์การเงินของผู้ประกอบการ SMEs และภาคครัวเรือนบางส่วนยังคงมีความเปราะบางและอ่อนไหวต่อภาวะค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น พร้อมทั้งยังระบุถึงความเสี่ยงที่มากขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ และยังย้ำถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับปกติที่เหมาะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นเรายังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75% สำหรับการประชุมในเดือนมีนาคมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการปรับนโยบาย (policy space) หากจำเป็นในอนาคต ก่อนจะตรึงไว้ที่ระดับดังกล่าว อย่างไรก็ดี จากท่าทีของกนง.ในวันนี้ เราประเมินว่ามีความเสี่ยงด้านสูงมากขึ้นสำหรับดอกเบี้ยนโยบายของไทย