พีดีเฮ้าส์ชี้รับสร้างบ้านปีเถาะตลาดชะลอตัว เดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มขยายฐานลูกค้าทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ดึงลูกค้าเข้าถึงง่ายและให้บริการอย่างครบวงจร พร้อมปรับผังจัดตั้งบริษัทลูกดำเนินธุรกิจแบ่งตามภูมิภาคเพื่อความคล่องตัวและตัดสินใจได้รวดเร็ว เน้นย้ำจุดแข็งบ้านประหยัดพลังงานและนวัตกรรมใหม่ PD Fresh Airflow ระบบถ่ายเทอากาศเพื่อสุขภาพในการอยู่อาศัย มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุดดันยอดขาย 1.8 พันล.
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (Executive Vice President) บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เผยว่า แนวโน้มและทิศทางบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2566 คาดว่าทรงตัวหรือชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงต้องหันมาเน้นกลยุทธ์ขยายสาขาเพิ่ม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดตลาดใหม่ ๆ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ให้มากที่สุด โดยยังคงชูจุดขายสร้างบ้านประหยัดพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบช่วยดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ด้วยการเพิ่มเติมอากาศดีและระบายอากาศเสียภายในบ้าน หรือระบบ PD Fresh Air Flow
โดยล่าสุดได้ทำการเปิดศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาลาดกระบัง นับเป็นสาขาที่ 29 เพื่อให้บริการปลูกสร้างบ้านแก่ลูกค้าในพื้นที่โซนด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา โดยในปีที่ผ่านมาพบว่ามีผู้บริโภคให้ความสนใจและต้องการปลูกสร้างบ้าน ติดต่อเข้ามายังสำนักงานใหญ่อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสที่จะแชร์ส่วนแบ่งลูกค้าจากคู่แข่ง หรือเพิ่มยอดขายในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ลาดกระบัง ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในการติดต่อใช้บริการ รวมถึงบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยในปีแรกนี้ตั้งเป้ายอดขายบ้านเฉพาะสาขาลาดกระบังไว้ 60 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยจัดตั้งบริษัทลูกดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านแบ่งตามภูมิภาค เพื่อกระจายอำนาจให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งดูแลรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการสั่งการและตัดสินใจที่รวดเร็ว
นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด (CMO : Chief Exclusive Officer Marketing) บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิ์และผู้บริหารมาตรฐานศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เผยว่า สำหรับนโยบายและแผนการตลาดในปี 2566 นี้ จะแบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ๆ ได้แก่ 1.สะดวก 2.รวดเร็ว และ 3.สร้างมูลค่าเพิ่ม กล่าวคือจะเน้นให้ลูกค้าติดต่อใช้บริการได้อย่างสะดวก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในทุกช่องทาง และการควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจากโรงงานและกระบวนการทำงานก่อสร้าง ณ ไซต์งาน รวมถึงขยายการให้บริการแบบ One Stop Service ครอบคลุมงานออกแบบตกแต่งภายในและแลนด์สเคป เพื่อจะช่วยให้บ้านสร้างเสร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบและสวยงามยิ่งขึ้น
ปัจจุบันศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีสาขาให้บริการทั่วประเทศรวม 28 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 60 จังหวัด โดยในปี 2566 นี้บริษัทฯ มีแผนขยายเพิ่มอีก 4 สาขา ทำให้มีสาขารวม 32 สาขา ซึ่งล่าสุดได้เปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ได้แก่ สาขากรุงเทพฯ (ลาดกระบัง) สาขาชัยภูมิ และในเดือนมีนาคมเตรียมเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาพื้นที่จังหวัดลพบุรี ส่วนอีกหนึ่งสาขาตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยสาขาละ 50-60 ล้านบาท หรือคิดเป็นยอดขายรวม 1,600-1,800 ล้านบาท สำหรับเหตุผลที่ตั้งเป้ายอดขายแต่ละสาขาไว้ไม่สูงนัก เนื่องจากสถิติและประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่ามูลค่ายอดขายตามที่วางไว้ สอดคล้องกันในเชิงการบริหารจัดการและคุณภาพงานทุก ๆ ด้าน กับผลตอบแทนหรือกำไรสูงสุด
พร้อมกันนี้นางสาวถิรพร กล่าวเพิ่มเติมว่า "พีดีเฮ้าส์มีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี โดยเราได้ศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านและผลตอบแทนอย่างเข้าใจลึกซึ้ง และทราบดีว่างานสร้างบ้านมีกระบวนการทำงานที่ค่อนข้างยาวและยุ่งยาก มีผลตอบแทนหรือกำไรเป็นลักษณะน้ำซึมบ่อทรายความหมายคือ กำไรน้อยและต้องใช้ระยะเวลานานในการทำกำไรสะสม รวมทั้งประสบการณ์สอนให้รู้ว่าจุดตัดระหว่างปริมาณหรือมูลค่างานสร้างบ้านในแต่ละปี กับขีดความสามารถในเชิงบริหารจัดการและบุคลากรต่อสาขาหรือกิจการอยู่ตรงจุดใด จึงจะสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับผลตอบแทนหรือทำกำไรสูงสุด ดังนั้นเราจึงไม่เน้นรับสร้างบ้านมูลค่าสูงมากต่อหนึ่งสาขา เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพการสร้างบ้านลูกค้าและผลตอบแทนที่ดีที่สุดเอาไว้"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit