'บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป' หรือ BVG หนึ่งในผู้นำการประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 17 ก.พ. เดินหน้านำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI พลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันก้าวสู่ InsurTech พร้อมเดินหน้าแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน สร้าง New S Curve สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 โดยใช้ชื่อย่อ 'BVG' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดอุตสาหกรรม 'Tech' โดยเชื่อมั่นในพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ ภายใต้ระบบ EMCS และ บริการ TPA ที่ช่วยยกระดับกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมประกัน ให้ก้าวสู่การเป็น InsurTech ตลอดจนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มุ่งรักษาความเป็นผู้นำ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินไหมตลอดห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมประกัน ทั้งลดขั้นตอน ระยะเวลาและต้นทุนดำเนินการ พร้อมสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้เอาประกัน
ทั้งนี้ BVG จะนำเทคโนโลยี AI มาช่วยวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อต่อยอดนวัตกรรมการให้บริการ ซึ่งจะช่วยยกระดับแพลตฟอร์มของ EMCS และ TPA ผ่านการนำเสนอบริการจากเทคโนโลยี AI Series เพิ่มเติม ได้แก่ AI Estimate หรือระบบการประเมินความเสียหายเบื้องต้นตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเพื่อประมาณการค่าสินไหม และ AI Inspection ช่วยบริษัทประกันภัยตรวจสภาพรถยนต์ในขั้นตอนการต่อกรมธรรม์ หลังประสบความสำเร็จจากการนำเสนอ AI Review ซึ่งช่วยประเมินความเสียหายในกระบวนการพิจารณาและอนุมัติซ่อมรถยนต์
ขณะที่บริการ TPA บริษัทฯ มีแผนจัดทำโครงการพัฒนาระบบ Optical Character Recognition ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานโดยลดการใช้กระดาษ เพื่อรองรับการปรับตัวของธุรกิจโรงพยาบาลไปสู่ Digital Transformation และต่อยอดสู่การให้บริการ AI Claim Assessment Automation เพื่อพิจารณาค่าสินไหมโรคพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง รองรับจำนวนผู้เอาประกันภัยและจำนวนรายการสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BVG กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ผ่านโมเดลความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเป้าหมายเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อให้บริการ e-Claim และ M-Survey ของระบบ EMCS ไปยังประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ รวมถึงจะร่วมมือกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจรับประกันภัยต่อในประเทศกัมพูชา เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการสินไหมทดแทนรักษาพยาบาลของบริษัทประกันภัยและสวัสดิการรักษาพยาบาลของบริษัทเอกชน (บริการ TPA) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตที่ดีให้แก่ BVG ต่อไปในอนาคต
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BVG ถือเป็นบริษัท Tech Company ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันในการบริหารจัดการธุรกิจประกันภัยรถยนต์ด้วยระบบ EMCS และให้บริการจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน (บริการ TPA) ที่ให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมขั้นตอนการพิจารณาสินไหมของประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ นอกจากนี้ BVG ยังมีแผนพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อให้บริการเพิ่มเติมรองรับปัจจัยการเติบโตของอุตสาหกรรมประกัน รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแผนต่อยอดขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็น New S Curve ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit