โรงงานบรรจุภัณฑ์เอส ไอ จี ในไทยฉลองครบรอบ 25 ปี ดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรมและโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

29 Mar 2023

พร้อมด้วยการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ผลิตพลังงานสะอาด และสนับสนุนความมุ่งมั่นของเอส ไอ จี ในการเป็นบริษัทที่ตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม

โรงงานบรรจุภัณฑ์เอส ไอ จี ในไทยฉลองครบรอบ 25 ปี ดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรมและโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

เอส ไอ จี กรุ๊ป ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 25 ปี โรงงานบรรจุภัณฑ์ของบริษัทที่จังหวัดระยอง โดยในปีนี้ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่โรงงานแห่งนี้ได้ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครบรอบ 5 ปี นับตั้งแต่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในโรงงาน ซึ่งช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 12,871 ตันเทียบเท่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เทียบเท่ากับการชดเชยการปล่อย CO2 ด้วยต้นไม้กว่า 280 ถึง 415 ต้น หรือเทียบเท่าผืนป่าขนาด 10,000 ตรม.

โรงงานเอส ไอ จี จ. ระยอง เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2541 บนพื้นที่กว่า 109,600 ตรม. พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในเอเชียแปซิฟิกและเอเชียใต้ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย โรงงานแห่งนี้มีการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อถึงราว 11,000 ล้านกล่อง ให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น ไทย เดนมาร์ค, เนสท์เล่, FrieslandCampina, Vinamilk, Indomilk, Ultrajaya, Parle Agro, Amul เป็นต้น

อีกทั้งยังเป็นโรงงานผลิตของเอส ไอ จี แห่งแรกในโลกที่ใช้ระบบโซลาร์โฟโตวอลเทอิก (photovoltaic หรือ PV) ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานจนทำให้บรรลุเป้าหมายตามแผนพลังงานของไทย พ.ศ. 2579 ที่กำหนดให้ใช้พลังงานไฟฟ้า 40% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยโรงงานเอส ไอ จี จ.ระยอง มีแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 12,350 แผง บนพื้นที่กว่า 40,064 ตรม. (เปรียบเทียบได้เท่ากับสนามฟุตบอล 5 สนาม) สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 5,675 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้แก่บ้านที่อยู่อาศัย 5,620 หลังคาเรือนในแต่ละเดือน

มิสเตอร์มิเกล กามิโต ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและซัพพลายเชน โรงงานเอส ไอ จี จังหวัดระยอง กล่าวว่า "โรงงานบรรจุภัณฑ์ของเอส ไอ จี ที่ระยองมีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนแก่ตลาดหลักในภูมิภาค โรงงานแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค อันแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดคาร์บอนฟุตพรินต์และเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทที่ตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมมากกว่าการเป็นฝ่ายรับ (net-positive)" พร้อมกล่าวเสริมว่า "เนื่องในวาระครบรอบ 25 ปี เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ตอบแทนชุมชนในจังหวัดระยองและทำหน้าที่อย่างดีในการส่งเสริมความยั่งยืนในภูมิภาค"

ในปี 2562 ที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ได้รางวัลฉลากลดโลกร้อนของ Thailand Energy Award จากโครงการโซลาร์รูฟท็อป อันเป็นรางวัลจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยมอบให้กับเอส ไอ จี ที่ได้ลงทุนจัดตั้งโครงการพลังงานทดแทนประเภทที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า (off-grid) ที่จังหวัดระยอง อันเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัท ที่จะตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มากกว่าที่ได้รับ

นอกจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาแล้ว ยังมีฟาร์มโซลาร์เซลล์และโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงจอดรถอีกด้วย เปรียบได้ว่าโรงงานแห่งนี้ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทย ปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์โดยใช้วัสดุกระดาษแข็งที่ผ่านการจัดหาอย่างตระหนักต่อความรับผิดชอบที่ได้รับการรับรอง 100% จาก FSC (Forest Stewardship Council) รวมถึงอลูมิเนียมที่ได้รับการรับรอง 100% จาก ASI (Aluminium Stewardship Initiative) ภายใต้มาตรฐาน ISCC Plus (International Sustainability and Carbon Certification) เป็นมาตรฐานรับรองคาร์บอน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างประเทศ

แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอส ไอ จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า"โรงงานบรรจุภัณฑ์ของเอส ไอ จี ในอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย ที่คาดว่าจะเดินสายการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2567 เพื่อป้อนลูกค้าในแถบเอเชียใต้ จะช่วยให้โรงงานที่ระยองสามารถทุ่มเทกับโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้นเพื่อลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกของเรา"

นอกจากการจ้างแรงงานในพื้นที่จังหวัดระยองแล้ว โรงงานเอส ไอ จี จ.ระยอง ยังมอบหมายให้ซิมไบโอร์ โซลาร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์แผงโซลาร์เซลล์ของเอสไอจี ทำการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 7kWp ให้แก่โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 10 จังหวัดระยอง อันถือเป็นส่วนหนึ่งในสัญญาธุรกิจกับเอสไอจี  ซึ่งเป็นตัวอย่างในการสร้างพลังงานหมุนเวียนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับโรงเรียน และช่วยประหยัดค่าไฟรายเดือนกว่า 4,000 บาท ทั้งนี้ การติดตั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังช่วยให้นักเรียนและครูได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์พลังงานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอีกด้วย

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ในงานฉลองครบรอบ 25 ปี ที่ควบคุมงานโดย แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเอส ไอ จี เอเชียแปซิฟิกใต้ และมีการจัดทัวร์เยี่ยมชมโรงงานให้แก่ลูกค้ารายสำคัญของเอส ไอ จี เช่น ไทย เดนมาร์ค, แลคตาซอย, ITC, Nutifood, Sambu และแบรนด์อื่นๆ

ข้อมูลเกี่ยวกับเอส ไอ จี

เอส ไอ จี (รหัสไลเซนส์เครื่องหมายการค้าของ FSCTM: C020428) เป็นผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า ผู้บริโภค และเพื่อโลกที่ยั่งยืน เราร่วมมือกับลูกค้าในการนำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย ยั่งยืน และคุ้มค่า ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเราตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (aseptic carton) บรรจุภัณฑ์แบกอินบ๊อก (bag-in-box) และบรรจุภัณฑ์แบบถุง/ซองพร้อมฝา (spouted pouch) เทคโนโลยีและความสามารถทางด้านนวัตกรรมที่โดดเด่นของบริษัทฯ ทำให้เราสามารถจัดหาโซลูชันแบบครบวงจรแก่ลูกค้า ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไปจนถึงด้านโรงงานอัจฉริยะและบรรจุภัณฑ์ที่ให้ข้อมูลดิจิทัล (connected packs) ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเรา และเรามุ่งมั่นเดินหน้าตามแนวทาง "Way Beyond Good" เพื่อสร้างระบบบรรจุภัณฑ์อาหารที่ตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมได้มากกว่ารับ

เอส ไอ จี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2396 มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองนอยเฮาเซน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SIX Swiss Exchange พนักงานทั่วโลกมีทักษะและประสบการณ์กว่า 9,000 คน ทำให้บริษัทฯ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกว่า 100 ประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2564 บริษัทฯ ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ถึง 49,000 ล้านกล่อง และสร้างรายได้ 3,100 ล้านยูโร (รวมรายได้ของ Scholle IPN และ Evergreen Asia ที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ) ทั้งนี้เอสไอจี ได้รับการจัดอันดับ ESG จาก MSCI ในระดับ AA ได้รับคะแนนจาก Sustainalytics ที่ 13.4 (ความเสี่ยงต่ำ) และได้รับการจัดอันดับ CSR จาก EcoVadis ในระดับ Platinum โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.sig.biz

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวแนวโน้มในการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บล็อก SIG https://www.sig.biz/signals/en

HTML::image(