ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ ธนาคารออมสิน และ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เดินหน้าสร้างความร่วมมือผลักดันศักยภาพ Startup และ SMEs ผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ท็อปส์ ท้องถิ่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)" เพื่อดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการ Startup และ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี และนวัตกรรม ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ตามแนวคิด DISCOVER HAPINESS เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน หนึ่งในแกนสำคัญของการดำเนินธุรกิจของท็อปส์ มุ่งสู่ Food Discovery & Destination ยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติให้ผู้บริโภคทุกคน
นายไบรอัน ฮิลล์ ผู้อำนวยการ ท็อปส์ ท้องถิ่น บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า การส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นภารกิจสำคัญของท็อปส์ ภายใต้เป้าหมายการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงเป็นที่มาของการริเริ่มแพลตฟอร์มแห่งโอกาส "ท็อปส์ ท้องถิ่น" หรือ www.topstongtin.com ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผลักดันศักยภาพ หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ร่วมกระบวนการเฟ้นหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพมาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับท็อปส์ สร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายในร้านค้าปลีกชั้นนำระดับประเทศ และให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกในการสนับสนุนสินค้าอร่อยจากผู้ประกอบการชาวไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ชวนมาค้นพบสินค้าคุณภาพรวมของดีจากท้องถิ่น ตามแนวคิด Every Day DISCOVERY ล่าสุดเพื่อพัฒนาศักยภาพ Startup และ SMEs พร้อมสร้างโอกาสนำสินค้ามาจำหน่ายที่ท็อปส์ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ "ท็อปส์ ท้องถิ่น" จึงลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กับธนาคารออมสิน และ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย นับเป็นจุดเริ่มต้นของทั้ง 3 องค์กรเพื่อร่วมกันผลักดันผู้ประกอบการรายเล็กให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และให้คำปรึกษา ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แนะแนวการบริหารจัดการ ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ส่งต่อผู้ประกอบการระหว่างโครงการท็อปส์ ท้องถิ่น สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และธนาคารออมสิน ก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานการสร้างรายได้
ด้านนางปรางมาศ เธียรธนู รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าฐานรากและสนับสนุนนโยบายรัฐ กล่าวว่า "ธนาคารออมสินมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ที่ผ่านมาธนาคารมีความร่วมมือกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในหลายด้าน และการได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม ท็อปส์ ท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การสร้างช่องทางการขาย สร้างโอการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธนาคารออมสินจะคอยสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโต และพร้อมที่จะก้าวเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ อยู่คู่ชุมชนและสังคม เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของผู้ประกอบการไทย"
ทางด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า "สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ท็อปส์ ท้องถิ่นและธนาคารออมสิน ได้มาร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถเข้าถึงตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น เพิ่มโอกาสกระจายรายได้ เกิดการจ้างงาน และใช้ตลาดและนวัตกรรมนำการผลิต ภายใต้แหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำของธนาคารออมสิน โดยท็อปส์ ท้องถิ่นได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการรายย่อยลดกระบวนการที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และมีทีมงานที่ให้คำปรึกษาและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนา โมเดลเศรษฐกิจ BCG และ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ตลอดจนนวัตกรรมในการสร้างความยั่งยืน (Sustainnovation) ให้กับสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายมูลค่า GDP SME และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
"ปัจจุบันท็อปส์ ท้องถิ่น ดำเนินโครงการมาเป็นระยะเวลา 1 ปี มีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 350 ราย จากทั่วประเทศ จากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทีมงานท็อปส์ท้องถิ่นและผู้ประกอบการทำให้ปัจจุบันมีสินค้ากว่า 125 รายการ ที่ได้รับการพัฒนาจนมีคุณภาพที่ดี รสชาติอร่อย มีบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยสวยงามพร้อมวางจำหน่ายที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 32 สาขาทั่วประเทศ และ ท็อปส์ ออนไลน์ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก เราเชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง ขณะที่ลูกค้าของท็อปส์ก็จะได้เลือกซื้อสินค้าที่ดีทั้งด้านคุณภาพและราคา เป็นการเติมเต็มประสบการณ์ทั้งด้านการช้อปปิ้งและการสร้างคุณค่าร่วมกันให้กับลูกค้าและสังคมและจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน" นายไบรอัน กล่าวสรุป
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.topstongtin.com และ เฟซบุ๊ก
แฟนเพจ "ท็อปส์ ท้องถิ่น Tops Tongtin"