จีนผงาดครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียโดยคิวเอส

10 Nov 2022

ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส หรือ คิวเอส (Quacquarelli Symonds หรือ QS) ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการอุดมศึกษา ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก: ภูมิภาคเอเชีย (QS World University Rankings: Asia) ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยจำนวนมหาวิทยาลัย 760 แห่ง ซึ่งผลปรากฏว่ามหาวิทยาลัย 61% มีอันดับลดลง ขณะที่ 14% มีอันดับดีขึ้น ส่วน 15% ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และ 10% เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรก

มหาวิทยาลัยปักกิ่งครองอันดับ 1 ในเอเชีย โค่นแชมป์เก่าอย่างมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ที่รั้งอันดับ 1 มานานถึง 4 ปี ก่อนที่จะหล่นมาอยู่ในอันดับ 2 ขณะที่มหาวิทยาลัยชิงหัวครองอันดับ 3 ส่วนในภาพรวมนั้น มหาวิทยาลัยจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาติดอันดับมากที่สุด (128 แห่ง) รองลงมาคืออินเดีย (118 แห่ง) และญี่ปุ่น (106 แห่ง)

20 อันดับแรก
ปี 2566ปี 2565
12มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University)จีนแผ่นดินใหญ่ 
21มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore)สิงคโปร์
35มหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua University)จีนแผ่นดินใหญ่ 
43=มหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong)เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
53=มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (Nanyang Technological University)สิงคโปร์
6= 7มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University)จีนแผ่นดินใหญ่ 
6=6มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University)จีนแผ่นดินใหญ่ 
814สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (KAIST) เกาหลีใต้
98มหาวิทยาลัยมาลายา (Universiti Malaya)มาเลเซีย
1010มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong University)จีนแผ่นดินใหญ่ 
1111=มหาวิทยาลัยโตเกียว (The University of Tokyo)ญี่ปุ่น
12= 11=มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (CUHK)เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
12= 16มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)เกาหลีใต้
149มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง (HKUST)เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
1513มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University)เกาหลีใต้ 
1615มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University)ญี่ปุ่น
1718มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University)เกาหลีใต้
1817มหาวิทยาลัยซองคยุนกวาน (Sungkyunkwan University)เกาหลีใต้
1919มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University)ไต้หวัน
2021สถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว (Tokyo Institute of Technology)ญี่ปุ่น
(C) QS  https://www.topuniversities.com/ 
  • ญี่ปุ่นและจีน แต่ละประเทศมีมหาวิทยาลัย 2 แห่งที่ติด 5 อันดับแรกในด้านชื่อเสียงทางวิชาการและทัศนคติของผู้จ้างงานต่อมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยโตเกียวครองอันดับหนึ่งของตัวชี้วัดทั้งสอง
  • อินเดียมีความเป็นเลิศด้านการผลิตงานวิจัย โดยมีมหาวิทยาลัย 3 แห่งติด 5 อันดับแรกในด้านเอกสารการวิจัย/คณาจารย์
  • หากพิจารณาจากการกระจุกตัวของมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ พบว่าเกาหลีใต้มีมหาวิทยาลัยที่รั้ง 20 อันดับแรกมากที่สุด ขณะที่มาเลเซียมีมหาวิทยาลัยที่รั้ง 50 อันดับแรกมากที่สุด (17%) รวมถึงรั้ง 100 อันดับแรกมากที่สุด (22%)
  • สิงคโปร์และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงผลิตงานวิจัยที่มีอิทธิพลสูง โดยมีมหาวิทยาลัย 2 แห่งที่ติด 5 อันดับแรกในด้านการอ้างอิง/เอกสารการวิจัย
  • มหาวิทยาลัยอากาข่าน (Aga Khan University) ของปากีสถานมีความสามารถด้านการสอนสูงสุดในเอเชีย ตามดัชนีชี้วัดด้านคณาจารย์/อัตราส่วนนักศึกษา
  • มีมหาวิทยาลัยหน้าใหม่ 5 แห่งที่เข้ามาติด 100 อันดับแรก โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติอัล-ฟาราบี คาซัค (Al-Farabi Kazakh National University) ของคาซัคสถาน เข้ามาในอันดับสูงสุด (อันดับ 44)
  • อิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคณาจารย์ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีที่สุดของเอเชีย จากดัชนีชี้วัดด้านบุคลากรที่มีวุฒิปริญญาเอก
  • ประเทศไทยประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียงทางวิชาการด้วยอันดับดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีมหาวิทยาลัย 5 แห่งติด 100 อันดับแรก ในขณะที่ฟิลิปปินส์ประสบความสำเร็จในด้านทัศนคติของผู้จ้างงานต่อมหาวิทยาลัย โดยมีมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ 4 แห่งติด 100 อันดับแรก
  • เวียดนามมีการพัฒนามากที่สุด โดยมหาวิทยาลัย 55% มีอันดับดีขึ้น

คุณเบน โซวเทอร์ (Ben Sowter) รองประธานอาวุโสของคิวเอส กล่าวว่า "การลงทุนด้านการอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่องและมหาศาลของจีนเป็นรากฐานของความสำเร็จในปัจจุบัน โดยมหาวิทยาลัยปักกิ่งคว้าตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ขณะที่มหาวิทยาลัยชิงหัวก็สามารถคว้าอันดับ 3 ไปครอง ส่วนสิงคโปร์ยังคงทำผลงานได้ดี โดยมีมหาวิทยาลัยติด 5 อันดับแรกถึง 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม ระบบการอุดมศึกษาของบางประเทศในเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากจำนวนประชากรที่ลดลง"

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1503777/QS_World_University_Rankings_Logo.jpg

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit