ใช้ประโยชน์จากขุมพลังผลิตภัณฑ์และโซลูชันซีรีส์ "ไบรท์ส" คว้าโอกาสการเติบโตใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล
บริษัทร่วมหุ้น แยงซี ออปติคัล ไฟเบอร์ แอนด์ เคเบิล จำกัด (Yangtze Optical Fibre and Cable Joint Stock Limited Company) หรือวายโอเอฟซี (YOFC) บริษัทการสื่อสารด้วยระบบนำแสงชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้สนับสนุนรายใหญ่ของงานประชุมใยแก้วและเคเบิลนำแสงระดับโลก (World Optical fibre & Cable Conference) มาเป็นเวลาหลายปี ได้เข้าร่วมงานประชุมระดับโลกนี้ประจำปี 2565 ซึ่งจัดขึ้นที่มิลานระหว่างวันที่ 7 ถึง 9 พฤศจิกายน 2565 ด้วยการเชิญของผู้จัดงาน กรรมการบริหารและประธานของวายโอเอฟซี คุณจวง ตัน (Zhuang Dan) เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมซึ่งจัดขึ้นระหว่างงานประชุมนี้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยได้อภิปรายเกี่ยวกับสถานภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรมเส้นใยและเคเบิลร่วมกับผู้บริหารรายอื่น ๆ จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเคเบิลหลายแห่ง รวมถึงพริสเมียน กรุ๊ป (Prysmian Group) จากยุโรป และคอร์นิง อินคอร์ปอเรทเต็ด (Corning Incorporated) จากสหรัฐ นอกจากนี้ รองประธานอาวุโสของวายโอเอฟซี คุณแจน บอนแกร์ตส์ (Jan Bongaerts) ได้กล่าวบรรยายหลักในหัวข้อ 'ใช้ประโยชน์จากขุมพลังไบรท์ส (BRIGHTS) คว้าโอกาสการเติบโตใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล'
เมื่อทุกหมวดธุรกิจในทุกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และเร่งให้เกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมด้วยผลกระทบของวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้โลกดำเนินไปอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ การทำงานระยะไกล การเรียนการสอนออนไลน์ และการวินิจฉัยทางการแพทย์ออนไลน์กำลังกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ด้วยเหตุนี้ การเข้าถึงบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่เชื่อถือได้ได้กลายเป็นหนึ่งความจำเป็นของชีวิตประจำวัน ด้วยการพัฒนาจากผู้คนเชื่อมต่อกันสู่สิ่งต่าง ๆ เชื่อมต่อกัน จากข้อมูลมหาศาลสู่ปัญญาประดิษฐ์ และจากการบริโภคสู่การผลิตอัจฉริยะ การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศสำคัญทั่วโลก ซึ่งกระตุ้นให้รัฐบาลต่าง ๆ พัฒนาสมรรถภาพด้านการเติบโตดิจิทัล ด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง
จีนมีการใช้งานบรอดแบนด์กิกะบิตเพิ่มขึ้น การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการใช้งาน 5G และได้เริ่มโครงการข้อมูลตะวันออกและคอมพิวติงตะวันตก (Eastern Data and Western Computing) ซึ่งมุ่งหมายที่จะเพิ่มศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคทางตะวันตกของประเทศซึ่งมีความยากจนทางเศรษฐกิจแต่เต็มไปด้วยพลังงานในปีนี้ ในขณะเดียวกัน หลายประเทศได้เร่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 5G และระบบเครือข่ายความเร็วสูงผ่านใยแก้วนำแสง (FTTx) ด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลเป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับใยแก้วนำแสงและเคเบิล โดย CRU บริษัทอังกฤษผู้ให้บริการวิเคราะห์และที่ปรึกษาชั้นนำในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ความต้องการระดับโลกสำหรับใยแก้วนำแสงและเคเบิลคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2565 ถึง 2570 คุณจวงยังชี้ว่าจีน ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วน 50% ในอุปสงค์ระดับโลก คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างมั่นคงในหมวดธุรกิจดังกล่าวนี้ในช่วงหลายปีข้างหน้านี้
หมวดธุรกิจใยแก้วและเคเบิลนำแสงขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในระดับโลก โดยขณะนี้กำลังเข้าสู่การเติบโตในขั้นใหม่ ด้วยศักยภาพมหาศาล ใยแก้ว G.654.E ของวายโอเอฟซี ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการสำหรับเทคโนโลยีการส่งผ่านความเร็วสูงพิเศษ ได้มีการนำไปใช้งานอย่างประสบความสำเร็จในสายเคเบิลสายหลักหลายสายของผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของจีนสามแห่ง และในโครงการระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าแห่งประเทศจีน (State Grid Corporation of China) โดยมีความยาวของส่วนหลักที่ติดตั้งใช้งานรวมกว่า 1 ล้าน fkm อุปสงค์มวลรวมของจีนสำหรับใยแก้ว G.654.E รุ่นใหม่คาดว่าจะมีความยาวถึง 10 ล้าน fkm (ความยาวส่วนหลัก) ภายในปี 2568 อีกทั้งยังมีการคาดการณ์การใช้งานระดับใหญ่ในระดับโลก ขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกได้เริ่มพิจารณาการติดตั้งใช้งานใยแก้วในสายนำส่งหลัก
เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในทั้งหมวดธุรกิจนี้ วายโอเอฟซีได้ออกซีรีส์ "ไบรท์ส" (BRIGHTS) ซีรีส์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันใยแก้วและเคเบิลนำแสง ซึ่งมีทั้งแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ ความเชื่อถือได้ ความอัจฉริยะ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คุณภาพสูง การประหยัดเวลา และความมั่นคงปลอดภัย
แบนด์วิดท์ขนาดใหญ่
ท่ามกลางความซับซ้อนของเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น การพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลของปริมาณข้อมูลที่ต้องส่งผ่าน และแรงกดดันต่อแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นขณะที่เราเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น วายโอเอฟซีได้ออกใยแก้วนำแสงที่ล้ำสมัยหลายรายการ รวมถึงใยแก้วนำแสงสำหรับสายนำส่งหลักอย่าง G.654.E ใยแก้วหลายโหมดแบบแบนด์วิดท์สูง ตลอดจนใยแก้วแบบหลายแกนและแบบแกนกลวง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแกนหลักของเครือข่ายนำแสง
ความเชื่อถือได้
ด้วยพอร์ตฟอลิโอผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงและเคเบิลที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถใช้ได้ในโครงข่ายย่อยและโครงข่ายหลัก อีกทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการการส่งผ่านด้วยระบบนำแสงในหลายสภาวการณ์การใช้งานจากพื้นดินถึงมหาสมุทร วายโอเอฟซีมุ่งเป้าส่วนของตลาดที่กำลังเติบโต พร้อมทั้งทำให้เกิดการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพของเครือข่ายที่ใช้ระบบนำแสงทั้งหมด
อัจฉริยะ
วายโอเอฟซียังได้พัฒนาโซลูชันอัจฉริยะหลายรายการ ที่สามารถยกระดับคุณภาพของการเชื่อมต่อแบบใช้ระบบนำแสงทั้งหมดด้วยการเอื้อให้เกิดการตรวจหาและระบุตำแหน่งความผิดพลาดอย่างรวดเร็ว การติดตามเฝ้าระวังสมรรถนะของทางนำแสงแบบเรียลไทม์ และการพยากรณ์คุณภาพ โซลูชันเหล่านี้ยังมีระบบการติดตามเฝ้าระวังเคเบิลนำแสงอัตโนมัติ ระบบเซนเซอร์วัดอุณหภูมิแบบกระจาย เป็นต้น
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ใยแก้ว G.654.E ของวายโอเอฟซีลดการใช้พลังงานได้ 20% ที่สถานีรีเลย์ระบบนำแสง และ 50% ที่สถานีรีเลย์ระบบไฟฟ้าในการส่งผ่านสายหลักระยะทางไกล ด้วยการบูรณาการกล่องต่อสายใยแก้วความหนาแน่นสูงพิเศษ เคเบิลนำแสงแบบพร้อมใช้งาน และโมดูลนำแสง โซลูชันศูนย์ข้อมูลของบริษัทปรับปรุงการใช้พื้นที่ของเคเบิลและลดการขัดขวางช่องความร้อนและความเย็น พร้อมทั้งทำให้เกิดแบนด์วิดท์ที่ขยายได้ ช่วยลดการกินพลังงาน
คุณภาพสูง
วายโอเอฟซีดำเนินธุรกิจตามปรัชญาในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ โดยได้ทุ่มเทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงและเคเบิลนำแสงที่พิสูจน์ด้วยระยะเวลาแล้วหลากหลายรายการ ด้วยการใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมและการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้เป็นไปอย่างสูงสุด วายโอเอฟซีมีลูกค้าจากกว่า 90 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมในแง่ของโซลูชันคุณภาพสูง
ประหยัดเวลา
เพื่อยกระดับสมรรถนะเมื่อติดตั้งใช้งานเครือข่ายที่ใช้ระบบนำแสงทั้งหมด โดยยึดสภาพแวดล้อมการใช้งานและการวางติดตั้ง วายโอเอฟซีได้ออกแบบและพัฒนาโซลูชันใยแก้วและเคเบิลนำแสงหลายรายการซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของเครือข่ายที่ใช้ระบบนำแสงทั้งหมดในหลากหลายสภาวการณ์อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ รวมถึงเคเบิลแบบแห้งทั้งเส้น (all-dry) แบบคลัสเตอร์ขนาดเล็ก (micro-cluster) แบบเป่าลม (air-blown) และแบบจำนวนเส้นใยสูงพิเศษ (UHFC)
ความมั่นคงปลอดภัย
ในสภาพแวดล้อมที่มีการส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูงและการแบ่งปันทรัพยากรแบบเปิด วายโอเอฟซีได้สำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยระบบนำแสงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ความมั่นคงปลอดภัยหลายระดับสำหรับปฏิบัติการการดำเนินงานขนาดใหญ่อย่างราบรื่น รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้า ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ผ่านผลิตภัณฑ์เซนเซอร์ใยแก้วนำแสง ซึ่งมีความครอบคลุมเป็นวงกว้าง มีความอ่อนไหวสูง และมีความแม่นยำสูง
ในงานประชุมนี้ คุณจวงยังได้เข้าร่วมกับผู้บริหารจากพริสเมียน กรุ๊ป และคอร์นิง ในการอภิปรายเชิงลึกเกี่ยวกับสถานภาพปัจจุบันและแนวโน้มต่าง ๆ ตลอดจนโอกาสและความท้าทายของภาคใยแก้วและเคเบิลนำแสงระดับโลก คุณจวงเปิดเผยว่า แม้ภาคดังกล่าวนี้จะมีพื้นฐานเชิงบวก แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนและความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางการเมืองในบางภูมิภาค อุปทานวัตถุดิบที่จำกัด สมรรถนะการคมนาคมที่ไม่เพียงพอ และต้นทุนการขนส่งที่สูง เพราะฉะนั้นผู้เล่นในอุตสาหกรรมจึงต้องยกระดับความร่วมมือเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมนี้
ที่ผ่านมา วายโอเอฟซีมุ่งขยายการเชื่อมต่อใยแก้วนำแสงไปสู่ทุกมุมโลก ประกอบกับการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการยึดมั่นในภารกิจเช่นนี้ บริษัทแห่งนี้ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมอิสระ มีแผนจะเน้นย้ำและพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของหมวดธุรกิจนี้ พร้อมทั้งยกระดับเครือข่ายการตลาดระหว่างประเทศของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อร่วมกันใช้ประโยชน์จากโอกาสที่นำเสนอโดยโลกดิจิทัลที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1945890/2.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit