5 พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากให้รีเทนเนอร์พังเร็ว

1. ทำความสะอาดด้วยยาสีฟัน

เรียกได้ว่าเป็นความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้รีเทนเนอร์พังเร็ว เพราะยาสีฟันบางยี่ห้อมีส่วนผสมของเม็ดบีท การใช้ยาสีฟันทำความสะอาดรีเทนเนอร์จึงมีโอกาสทำให้เป็นรอยหรือสึก เมื่อใส่แล้วไม่กระชับ เศษอาหารเข้าไปยึดเกาะได้ง่าย วิธีที่แนะนำคือการใช้น้ำสบู่ค่อยๆ ขัดทำความสะอาดเบาๆ และควรทำเป็นประจำทุกวันเพื่อลดโอกาสเกิดคราบฝังแน่น รวมถึงการใช้เม็ดฟู่ เดือนละ 1-2 ครั้ง

2. ใช้รีเทนเนอร์อันเดิม โดยไม่ให้ทันตแพทย์ตรวจเช็ก

แม้ว่าหลายคนจะดูแลรีเทนเนอร์ให้ไม่แตกหรือไม่พังได้ในระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งมั่นใจว่ารีเทนเนอร์ยังใช้งานได้ปกติ เพราะการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเคี้ยว การใช้ลิ้นดันฟัน อาจส่งผลให้ฟันเคลื่อนได้เสมอ ดังนั้น ควรให้ทันตแพทย์ตรวจเช็กรีเทนเนอร์ทุก 6-12 เดือน เพื่อลดปัญหาฟันล้มและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย

3. นำรีเทนเนอร์แช่น้ำร้อน

หลายคนอาจมีความคิดว่าความร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียบนรีเทนเนอร์ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการนำรีเทนเนอร์แช่น้ำร้อน ความร้อนจะทำให้ทรงรีเทนเนอร์บิดเบี้ยว เมื่อนำมาสวมใส่อาจทำให้ไม่กระชับหรือหลวม จนทำให้ต้องเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่

4. ใช้กระดาษทิชชู่ห่อรีเทนเนอร์

เรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมยอดฮิตของคนใส่รีเทนเนอร์ เพราะเป็นวิธีที่สะดวก ไม่ต้องหากล่องเก็บให้ยุ่งยาก แต่วิธีนี้อาจไม่ถูกต้องนัก โดยเฉพาะกับคนขี้ลืมทำให้ลืมรีเทนเนอร์บ่อยๆ และหากไม่ระมัดระวังให้ดียังอาจทำให้เผลอวางสิ่งของหนักลงบนรีเทนเนอร์ ทำให้แตกหรือเสียหาย

5. จัดเก็บไม่เป็นที่

อีกหนึ่งพฤติกรรมทำรีเทนเนอร์พัง คือการจัดเก็บไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้รีเทนเนอร์มีโอกาสแตกหักได้บ่อยจนต้องจ่ายเงินค่ารีเทนเนอร์บ่อยครั้ง ทางที่ดีควรหากล่องขนาดมินิสำหรับเก็บรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ และหมั่นทำความสะอาดกล่องบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย

เมื่อรู้แบบนี้แล้วใครที่จัดฟันเสร็จใหม่ๆ หรือต้องใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำ แนะนำว่าให้เลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ หันมาดูแลเก็บรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อเปลี่ยนรีเทนเนอร์บ่อย นอกจากทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว การดูแลทำความสะอาดอย่างถูกวิธียังทำให้สุขภาพปากและฟันแข็งแรง เป็นเจ้าของรอยยิ้มสวยสดใสไปนานๆ 

• ข่าวจัดฟัน