บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตพลังงานเอกชนรายใหญ่ที่สุดของเมืองไทย และเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทบี.กริม ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานถึง 144 ปี เดินหน้าปรับปรุงระบบการจัดซื้อและการบริหารวงจรสินทรัพย์ให้ทันสมัย ด้วยการย้ายชุดซอฟต์แวร์การทำงาน Oracle E-Business Suite เข้าสู่ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ OCI จะช่วยให้ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถปรับขั้นตอนการทำงานของฝ่ายจัดซื้อและการบริหารวงจรสินทรัพย์ให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด ยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ และเร่งกระบวนการนำเสนอสินค้าและบริการสู่ตลาดเพื่อส่งเสริมธุรกิจของบริษัทในการรุกตลาดเอเชียอย่างเต็มรูปแบบ
บี.กริม เพาเวอร์ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการมุ่งสร้างพลังให้กับสังคมด้วยความโอบอ้อมอารี โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ความเป็นเลิศในการก่อสร้างและการดำเนินโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าหลากหลายประเภท และการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกในการเพิ่มฐานการดำเนินงานจาก 7 เป็น 15 ประเทศ ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ จำเป็นต้องยกระดับโมเดลการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการเพิ่มปริมาณทรัพยากรได้ทุกเวลาที่ต้องการ และการย้ายขั้นตอนการทำงานของฝ่ายการจัดซื้อและการบริหารวงจรสินทรัพย์เข้าไปไว้ใน OCI จะทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถตรวจสอบการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
"เป้าหมายของเราคือการเป็นองค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net-Zero Emissions) ภายในปี 2050 และขยายธุรกิจพลังงานทดแทนในเอเชียให้มากขึ้น โดยเส้นทางสู่ความสำเร็จนี้จะต้องอาศัยระบบการดำเนินงานแบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเริ่มต้นจากขั้นตอนการทำงานของฝ่ายจัดซื้อและการบริหารวงจรสินทรัพย์ เรารู้สึกยินดีที่ได้ยกระดับความร่วมมือกับออราเคิลจากการนำ Oracle E-Business Suite เข้าสู่ OCI ซึ่งได้มอบแพลตฟอร์มที่ง่ายต่อการขยายสเกลการทำงาน ประหยัดต้นทุน มีประสิทธิภาพสูง และมั่นคงปลอดภัย ซึ่งจะช่วยพัฒนาขั้นตอนการทำงานในธุรกิจของเรา รวมถึงช่วยสนับสนุนให้ บี.กริม เพาเวอร์ ส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ชุมชนที่มีโรงไฟฟ้าของเราดำเนินการอยู่ " นาวสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บี.กริม เพาเวอร์ กล่าว
OCI มอบเครื่องมือและโครงสร้างการทำงาน อาทิ Oracle E-Business Suite Cloud Manager ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพและย้ายชุดซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งใช้งานในบริษัท Oracle E-Business Suite ซึ่งประกอบด้วย Oracle Purchasing, Oracle iProcurement และ Oracle Supplier Lifecycle Management เข้าไปไว้ในระบบคลาวด์ทั้งหมด ผ่านการใช้ระบบอัตโนมัติและระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลแบบบิลต์อินที่เสริมประสิทธิภาพเพื่อช่วยลดการคุกคามทางไซเบอร์ต่าง ๆ ทำให้ใช้ต้นทุนได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด และสนับสนุนการย้ายระบบงานขั้นสูงในช่วงสุดท้าย รวมถึงการสร้าง Economies of Scale หรือความคุ้มค่าต่อขนาดงานที่สูงขึ้น
"เนื่องจากอุปสงค์ด้านพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้น 60% ภายในปี 2040[] เราจึงคาดการณ์ได้ถึงความตึงเครียดมหาศาลที่จะเกิดกับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของบรรดาผู้ผลิตพลังงานในภูมิภาค" นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าว "บริษัทพลังงานอย่าง บี.กริม เพาเวอร์ จึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่สามารถนำขั้นตอนการทำงานของพวกเขาเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ไปพร้อมกับการก้าวให้ทันต่อแรงกดดัน ความไม่แน่นอน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วซึ่งคาดว่าจะเกิดกับอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบการสนับสนุนแก่ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อการเปลี่ยนแปลงการทำงานสู่ระบบดิจิทัลเพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายสเกลการทำงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ของตลาดได้ต่อไป"
Innopia สมาชิกในเครือข่าย Oracle Partner Network (OPN) จะเป็นผู้ติดตั้งและดำเนินงานโครงการนี้ ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในเดือนมกราคมปี 2023.
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit