ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนสิงหาคม 65 ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 85% (ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) และ ยอดส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 32% (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ออสเตรเลีย Federal Chamber of Automotive Industries รายงานสถิติในเดือนสิงหาคม 65 ยอดขายยานยนต์ประเภท Light commercial vehicles เพิ่มขึ้น 17% และ SUV เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์
ปัจจุบันยอดขายของบริษัทประมาณ 50% มาจากธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ แม้ว่าในไตรมาสแรก ปีบัญชี 65/66 (เม.ย.-มิ.ย.65) ยอดขายจากธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ชะลอตัวลง ทั้งจากยอดขายในยุโรปเป็นไปตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป/ ปัญหาชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage) และ การเปลี่ยนโมเดลรถกระบะของบางค่ายยานยนต์ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 65 เป็นต้นไป ยอดขายของธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS ปรับตัวดีขึ้นประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เร่งตัวขึ้น บริษัทสามารถส่งสินค้าให้กับค่ายยานยนต์ที่เริ่มมีการผลิตต่อเนื่อง และจากยานยนต์รุ่นใหม่ที่จะทยอยออกสู่ตลาด ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อและความต้องการสินค้าหลัก เช่น พื้นปูกระบะ (Bed liner) บันไดข้างรถกระบะ (Sidesteps) หลังคาครอบกระบะ (Canopy) และชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถกระบะและ SUV เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รวมทั้งกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์หลายค่ายปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหาชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage) คาดว่าการเติบโตเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย ยอดขายจาก Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้ง TJM ได้เปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง ในออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่ Hobart, Tasmania และ Epping, Victoria นอกจากนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากการซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ออสเตรเลีย ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีบัญชี 65/66 (ก.ค.-ก.ย.65) และจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ โดยเร่งให้เกิด synergy ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ต่อไป
ดร.ภวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ AEROKLAS ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจร่วมทุนปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากจุดเด่นของสินค้า AEROKLAS มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และ น้ำหนักเบา ที่สำคัญช่วยประหยัดพลังงาน จึงส่งผลให้มีคำสั่งซื้อจากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง และไว้วางใจให้ผลิตสินค้าใหม่ ๆ อีกทั้ง ผู้บริโภคยังมีความต้องการใช้งานรถกระบะซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญทำให้ผลประกอบการเติบโต บริษัทมั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตได้ที่ 12 - 15% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29 - 32% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยผลประกอบการจะทยอยดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีบัญชี 65/66 (ก.ค.-ก.ย.65) และในไตรมาสต่อ ๆ ไป
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit