มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ประกาศในวันนี้ว่าได้เลือกอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์เชิงกลยุทธ์ ด้วยการย้ายโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือระบบไอทีทั้งหมด รวมถึงอินสแตนซ์เซิร์ฟเวอร์ 137 เครื่องไปยัง AWS ทำให้มสธ. เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยที่อยู่บน AWS และใช้งานระบบคลาวน์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยในการเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัล ด้วยการใช้บริการที่ครอบคลุมและความเชี่ยวชาญของ AWS รวมถึงพื้นที่จัดเก็บ การวิเคราะห์ เครือข่ายและการบริการเข้าถึงเนื้อหา ทำให้มสธ.สามารถมอบประสบการณ์อีเลิร์นนิงที่ราบรื่นและน่าสนใจให้กับผู้เรียน 200,000 คนในช่วงระยะเวลาสองปีในกว่า 64 ประเทศ การใช้ AWS ช่วยให้มสธ.สามารถสร้างแพลตฟอร์มอีเลิร์นนิงที่พร้อมให้บริการแก่นักศึกษาและผู้เรียนที่ที่ต้องการปรับหรือเพิ่มทักษะ ซึ่งช่วยให้แผนกต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย 60 แผนก สามารถเปิดสอนหลักสูตรออนไลน์ 700 หลักสูตรในช่วงระยะเวลาสามเดือน เมื่อเทียบกับการสร้างแพลตฟอร์มบนระบบภายในองค์กรที่อาจต้องใช้เวลาถึงห้าปี นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้พัฒนา STOU Media ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันมือถือที่สร้างขึ้นบน AWS เพื่อช่วยให้นักศึกษาลงทะเบียนหลักสูตรใน 12 คณะ และเข้าถึงผลการสอบได้
ที่ผ่านมาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีภายในองค์กรของมสธ. ไม่สามารถในการรองรับผู้ใช้พร้อมกันมากกว่า 7,000 คนในคราวเดียว ซึ่งจำกัดความสามารถของมหาวิทยาลัยในการปรับขนาดและจัดหลักสูตรและการสอบออนไลน์หลายหลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ผู้เรียนจำนวนมากไม่สามารถเข้าร่วมหลักสูตรเพื่อการศึกษาต่อได้ ก่อนที่จะย้ายไปยังระบบคลาวด์ มสธ.กำหนดให้นักศึกษาเข้าทำการสอบด้วยตนเอง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายสูงและไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากในแต่ละครั้งต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในการสอบด้วยตนเอง ดังนั้นมสธ.จึงต้องการโซลูชันออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาและมีประสิทธิภาพสำหรับมหาวิทยาลัยด้วย
ปัจจุบันมสธ.ใช้โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกระดับโลกของ AWS ที่มีความสามารถในการปรับขนาดเพื่อให้บริการออนไลน์แก่นักเรียนได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว รวมถึงการสอบออนไลน์ 20 หลักสูตร ที่แต่ละครั้งสามารถรองรับผู้เข้าสอบได้ 20,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 186% วิสัยทัศน์ของมสธ.คือการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษาทั่วโลก และทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการสอนและการเรียนรู้ที่ราบรื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ มหาวิทยาลัยจึงสร้าง Data Lake โดยใช้ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) ซึ่งเป็นบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์บนเว็บความเร็วสูงที่ปรับขนาดได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยใช้เพื่อรวบรวม จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลอย่างปลอดภัย เช่น บันทึกการสอบ การลงทะเบียนนักศึกษา และข้อมูลหลักสูตร การใช้ Data Lake ซึ่งจัดเก็บข้อมูล เช่น ขนาดชั้นเรียน ประวัติหลักสูตร เนื้อหาการสอบ และโมดูลอีเลิร์นนิงขนาดใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและนักการศึกษาสามารถปรับปรุงงานธุรการ เช่น การให้คะแนนและการจัดสรรนักเรียนไปยังห้องเรียนต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเพื่อคาดการณ์ เช่น จำนวนการลงทะเบียนนักศึกษา หลักสูตรที่นักเรียนต้องการ เพื่อวางแผนสำหรับภาคการศึกษาที่จะมาถึงได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการนำส่งเนื้อหาการเรียน มสธ.ใช้ Amazon CloudFront ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหาที่รวดเร็ว (CDN) ที่ส่งมอบวิดีโออย่างปลอดภัยไปยังผู้ใช้งานทั่วโลกด้วยความเร็วสูง AWS Identity and Access Management (IAM) ซึ่งเป็นบริการเว็บที่ช่วยให้ลูกค้าควบคุมการเข้าถึงทรัพยากร AWS ได้อย่างปลอดภัย ช่วยให้มสธ.จัดการการเข้าถึงเว็บไซต์ของแผนก เว็บไซต์การเรียนรู้ของผู้เรียน และการสอบออนไลน์ นอกจากนี้มสธ.ยังใช้ Amazon Redshift ซึ่งเป็นบริการคลังข้อมูลขนาดเพตะไบต์ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบในระบบคลาวด์ เพื่อสร้างแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ที่ติดตามและวิเคราะห์ความคืบหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน แดชบอร์ดช่วยให้มสธ.คาดการณ์การใช้หลักสูตรได้ดีขึ้น และบริหารงานออนไลน์ต่าง ๆ เช่นการสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดร.ศรันย์ นาคถนอม ผู้อำนวยการสำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า "การย้ายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งหมดของเราไปยัง AWS เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางสู่การเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัล ด้วย AWS เราสามารถสร้างและปรับขนาดเนื้อหาและโซลูชันการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพื่อมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้เรียนของเรา ความสามารถในการจัดสอบออนไลน์ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นสำหรับทั้งคณาจารย์และนักศึกษา เนื่องจากไม่ได้ผูกมัดกับข้อจำกัดเรื่องสถานที่"
"AWS มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ล่าสุดเพื่อปรับปรุงชีวิตของผู้เรียนทั่วโลกด้วยเนื้อหาออนไลน์ ที่นำเสนออย่างไร้ข้อจำกัดและใช้งานง่าย" อีริค คอนราด กรรมการผู้จัดการสำหรับกลุ่มลูกค้าภาครัฐของ AWS ในภูมิภาคอาเซียน กล่าว "มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในประเทศไทยที่อยู่บน AWS และใช้งานระบบคลาวน์อย่างเต็มรูปแบบ ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ในการตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาแบบดิจิทัลและมีส่วนร่วมกับผู้เรียนนอกมหาวิทยาลัย"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit