ออสติน โจนส์ กลายเป็นแชมป์ศึกดาการ์อายุน้อยที่สุดที่ครองตำแหน่งต่อเนื่องในหมวดที3 ขณะที่อีริค กอซาล ขึ้นแท่นผู้ชนะศึกดาการ์อายุน้อยที่สุดในหมวดที4
แคน-แอม (Can-Am) แบรนด์ในเครือบีอาร์พี (BRP) (TSX: DOO) (NASDAQ: DOOO) คว้าชัยชนะในการแข่งขันดาการ์ แรลลี (Dakar Rally) มาได้ 6 ครั้งติดต่อกัน ทั้งในหมวดรถต้นแบบน้ำหนักเบา ที3 (T3 Lightweight Prototype) และหมวดรถดัดแปลง ที4 (T4 Modified Production) โดยออสติน โจนส์ (Austin Jones) และเซธ ควินเทโร (Seth Quintero) พร้อมกับทีมเรดบูล แคน-แอม แฟคเตอรี (Red Bull Can-Am Factory) ทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับหนึ่งและสองในหมวดรถต้นแบบน้ำหนักเบา ที3 ในรถรุ่นแคน-แอม มาเวอริค เอ็กซ์3 (Can-Am Maverick X3) ส่วนในหมวดที4 นั้น อีริค กอซาล (Eryk Goczal) คว้าชัยมาได้ในรถเอเนอร์จีแลนเดีย เซาท์ เรซซิง แคน-แอม (Energylandia South Racing Can-Am) กลายเป็นผู้ชนะรายการดาการ์ แรลลี อายุน้อยที่สุดในวัยเพียง 18 ปี ตามมาด้วยโรคัส บาชุชกา (Rokas Baciu?ka) จากทีมเรดบูล แฟคเตอรี แคน-แอม ในอันดับสอง และมาเร็ก กอซาล (Marek Goczal) อันดับสาม ครองโพเดียมไปได้ทั้งสามตำแหน่งในหมวดที4 ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในการแข่งออฟโรดที่ยากที่สุดในโลก ซึ่งกินระยะเวลาถึง 15 วัน ครอบคลุมระยะทาง 8,500 กิโลเมตรในภูมิประเทศสุดโหดของซาอุดีอาระเบีย
"การได้เห็นทีมของเราออกลุยและทำลายขอบเขต สร้างสถิติใหม่ ๆ และประสบความสำเร็จไปอีกขั้นนั้นถือเป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงสำหรับพวกเราทุกคนค่ะ" แอนน์-มารี ลาเบิร์จ (Anne-Marie LaBerge) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบีอาร์พี กล่าว "เราขอแสดงความยินดีกับทีม และหวังที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญอีกมากมายกับพวกเขา"
สก็อตต์ อับราฮัม (Scott Abraham) หัวหน้าทีมเซาท์ เรซซิง และทีมเรดบูล แคน-แอม แฟคเตอรี กล่าวว่า "ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคว้ารางวัลกลับบ้านได้ถึง 25 คัน จากที่ลงแข่งทั้งหมด 26 คัน ดาการ์ แรลลี ครั้งนี้มีความท้าทายเป็นพิเศษ และการที่เราประสบความสำเร็จในประเภทที3 และที4 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเรา เรารู้สึกขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของเรา และตอนนี้ก็หวังที่จะได้พักผ่อนสักที"
ในการแข่งหมวดที3 นั้น ฟรานซิสโก "ชาเลโก" โลเปซ (Francisco "Chaleco" Lopez) คือผู้ที่จะกระโดดขึ้นเป็นผู้นำในช่วงต้นตามคะแนนรวมหลังผ่านไปสองสเตจแรก แต่ก็ได้เสียตำแหน่งผู้นำให้กับเซธ ควินเทโร หลังเจอสภาพอากาศเลวร้ายในสเตจที่สาม ทว่าควินเทโรกลับเจอปัญหาทางเทคนิคในสเตจสี่จนกำลังจะเสียตำแหน่งผู้นำ แต่โชคดีที่ออสติน โจนส์ ชนะในสเตจที่สามและการจบสกอร์ที่สม่ำเสมอครั้งอื่น ๆ ทำให้เขายังอยู่ในการแข่งเพื่อชัยชนะโดยรวม โจนส์คว้าตำแหน่งผู้นำโดยรวมหลังสเตจที่ 11 และไม่เคยหันหลังกลับ โดยแข่งขันอย่างชาญฉลาดและสม่ำเสมอไปจนถึงเส้นชัย โจนส์และกุสตาโว กูเกลมินี (Gustavo Gugelmini) ซึ่งเป็นนักขับร่วม จบการแข่งขันระยะทาง 8,500 กม. ด้วยเวลา 51:55.53 ตามมาด้วยควินเทโรในอันดับสอง คริสตินา กูเทียร์เรซ (Cristina Gutierrez) ในอันดับสี่ และชาเลโกในอันดับที่ห้า สมาชิกทุกคนในทีมเรดบูล แคน-แอม แฟคเตอรี ในหมวดที3 คว้าชัยชนะอย่างน้อยหนึ่งสเตจ รวมชนะไปทั้งหมด 6 สเตจ และจบสกอร์ขึ้นโพเดียม 13 ครั้งตลอดการแข่งขัน
ออสติน โจนส์ นักแข่งทีมเรดบูล แคน-แอม แฟคเตอรี และผู้ชนะการแข่งขันดาการ์ สองสมัย ที่อายุน้อยที่สุด กล่าวว่า "การแข่งรอบล่าสุดยากจริง ๆ ครับ มีโคลนเยอะมาก และผมก็กังวลมาก แต่เราก็ผ่านไปได้จนจบ นับเป็นศึกดาการ์ที่ยากที่สุดที่ผมเคยแข่ง เรามีทั้งขาขึ้นขาลง แต่เราก็ยังคงไปต่อจนได้เป็นแชมป์เปียนติดต่อกัน! เรารู้สึกปลาบปลื้ม ขอแสดงความชื่นชมยินดีกับทั้งทีมและผู้นำทางของผมอย่างกุสตาโว ซึ่งทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยมทั่วซาอุดีอาระเบีย ผมยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับปีหน้า แต่ผมจะกลับมาครับ!"
ส่วนการแข่งหมวดที4 อัดแน่นไปด้วยความระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ การขับเคี่ยวระหว่างโรคัส บาชุชกา จากทีมเรดบูล แคน-แอม แฟคเตอรี และมือใหม่อย่างอีริค กอซาล จากเซาท์ เรซซิง แคน-แอม สควอด (South Racing Can-Am Squad) ทำให้การแข่งขันน่าตื่นเต้นไปจนถึงธงเส้นชัย บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือดด้วยชัยชนะในสเตจหนึ่งและสี่ แต่บาชุชกาตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการชนะในสเตจที่ห้าและเจ็ดซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้นำโดยรวม การแข่งขันระหว่างทั้งสองเป็นไปอย่างสูสีจนถึงสเตจสุดท้าย โดยผลัดกันนำและตามกันมาตลอด บาชุชการักษาตำแหน่งผู้นำโดยรวมไว้ได้จนถึงสเตจสุดท้ายซึ่งเขาพบปัญหาบางอย่าง จนกอซาลคว้าชัยชนะโดยรวมไป ทำให้เขากลายเป็นผู้ชนะดาการ์ แรลลี ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นักแข่งรถมือใหม่และผู้ขับร่วมของเขาอย่างอูรีออล เมนา (Oriol Mena) จบการแข่งขันด้วยเวลารวม 53:10.14 ตามมาด้วยบาชุชกาในอันดับที่สอง และมาเร็ก กอซาล ในอันดับที่สาม ทำให้ทั้งโพเดียมมีแต่แคน-แอม
อีริค กอซาล นักแข่งเอเนอร์จีแลนเดีย เซาท์ เรซซิง แคน-แอม และผู้ชนะศึกดาการ์หน้าใหม่ กล่าวว่า "นี่เป็นการแข่งดาการ์ครั้งแรกของผม การได้มาที่นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผม ผมต้องขอบคุณครอบครัวและทีมมาก ๆ เพราะพวกเขาทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ เราเสี่ยงอย่างมากในการมุ่งเป็นผู้นำโดยรวมเมื่อสองสามวันก่อน ผมทุ่มสุดตัวและผลที่ได้ก็คุ้มค่ามากครับ"
เกี่ยวกับบีอาร์พี
เราเป็นผู้นำระดับโลกในโลกของรถพาวเวอร์สปอร์ต ระบบขับเคลื่อน และเรือ โดยอาศัยความเฉลียวฉลาดและการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลา 80 ปี ผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นและเหนือชั้นของเราประกอบด้วยรถเลื่อนหิมะแบรนด์สกี-ดู (Ski-Doo) และลิงซ์ (Lynx), เรือและแพแบรนด์ซี-ดู (Sea-Doo), รถออนและออฟโรดแบรนด์แคน-แอม (Can-Am), เรือแบรนด์อลูมาคราฟต์ (Alumacraft) และควินเทร็กซ์ (Quintrex), แพแบรนด์มานิทู (Manitou) และระบบขับเคลื่อนเรือแบรนด์โรแท็กซ์ (Rotax) เช่นเดียวกับเครื่องยนต์แบรนด์โรแท็กซ์สำหรับรถคาร์ทและอากาศยานเพื่อการสันทนาการ นอกจากนี้ เรายังเติมเต็มผลิตภัณฑ์ของเราด้วยธุรกิจชิ้นส่วน อุปกรณ์เสริม และเครื่องแต่งกาย เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับ บีอาร์พีทำยอดขายทั้งปีได้ 7.6 พันล้านดอลลาร์แคนาดาจากกว่า 120 ประเทศ โดยมีพนักงานมากความสามารถเกือบ 20,000 รายทั่วโลก
www.brp.com
@BRPNews
Ski-Doo, Lynx, Sea-Doo, Can-Am, Rotax, Alumacraft, Manitou, Quintrex และโลโก้ BRP เป็นเครื่องหมายการค้าของบอมบาร์ดิเอร์ รีครีเอชันนอล โพรดักส์ อิงค์ (Bombardier Recreational Products Inc.) หรือบริษัทในเครือ เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่เป็นเจ้าของ
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นีล สตอร์ส (Neil Storz) ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ แคน-แอม อีเมล: [email protected]
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1984300/BRP_Inc__Can_Am_Factory_Racers_Make_History_Winning_Sixth_Dakar.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit