เครื่องถ่ายเอกสารชาร์ปฉลองครบรอบ 50 ปี และเปิดตัวผู้บริหาร กรรมการผู้จัดการคนใหม่ "นายชูเฮย์ อาราอิ" เพื่อปรับนโยบายและกลยุทธ์ หวังเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม 10% พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำกว่า 20 รุ่น ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กลงและทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ไฮบริดของโลกยุคนี้นายชูเฮย์ อาราอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า การเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ และในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี กลุ่มสินค้าบิสซิเนส โซลูชั่น และเครื่องถ่ายเอกสารชาร์ปนี้ ได้มีการปรับนโยบายและกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ โดยตั้งเป้าขยายฐานตัวแทนจำหน่ายจาก 120 ราย เป็น 200 ราย พร้อมเดินหน้ารุกตลาดด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำเหมาะกับไลฟ์สไตล์ไฮบริดของคนยุคปัจจุบัน มีฟังก์ชั่นสั่งพิมพ์งานจากมือถือได้ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับบริการ Cloud Services โดยที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง แต่ยังสามารถใช้งานร่วมกับกระดาษ A3 ได้ ครบคุณสมบัติในรูปแบบมัลติฟังก์ชั่นที่นอกจากถ่ายเอกสารแล้วยังสามารถพิมพ์ สแกน และแฟกซ์ ได้ครบอีกด้วย ซึ่งสินค้ามีให้เลือกทั้งรุ่นแบบพิมพ์ขาวดำและแบบพิมพ์สี โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด 10% จากมูลค่าตลาดรวม 4,300 ล้านบาทต่อปีสำหรับภาพรวมตลาดเครื่องถ่ายเอกสารในประเทศไทย นับตั้งแต่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มูลค่าตลาดรวมลดลงประมาณ 8.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากราคาพลังงานโลก ดอกเบี้ยสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลถึงการปรับตัวขึ้นของต้นทุนในการนำเข้าสินค้า รวมถึงปัจจัยทางการเมือง ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของไทยเริ่มดีดตัวสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 7.1% และยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 7.8% ในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตามเครื่องถ่ายเอกสารแบบมัลติฟังก์ชั่นยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค โดยเครื่องถ่ายเอกสารประเภทพิมพ์สี มียอดขายอยู่ที่ 56% และ เครื่องถ่ายเอกสารประเภทพิมพ์ขาวดำอยู่ที่ 44%"ชาร์ป วางจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องแรกออกสู่ตลาด ในปี พ.ศ. 2515 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านกว่า 50 ปีจวบจนถึงปัจจุบัน ชาร์ปยังคงให้ความสำคัญมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาเครื่องถ่ายเอกสารให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่หลากหลาย และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ รวดเร็ว คุ้มค่า และมีเป้าหมายเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า" ด้านนายชินจิ มินาโตกาวะ (Mr. Shinji Minatogawa) ผู้บริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจ Smart Business Solutions ประจำเอเชียน กล่าวว่า สำหรับเครื่องถ่ายเอกสารที่เป็นหัวหอกสำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้แก่ เครื่องถ่ายเอกสารแบบพิมพ์ขาวดำ รุ่น Nova Light BP-21M22 ที่มีความเร็วในการพิมพ์ 21-30 หน้าต่อนาที โดดเด่นด้วยเครื่องที่มีขนาดเล็ก สามารถใช้กับ A3 ได้ และสั่งพิมพ์งานจากมือถือได้ ทั้งระบบ iOS และ Android และ รุ่นNova E BP-30M31 ที่มีความเร็วในการพิมพ์ 31-44 หน้าต่อนาที โดยจุดเด่นสินค้าที่นอกจากสั่งพิมพ์งานจากมือถือได้เช่นเดียวกันแล้ว ยังมีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD 128 GB และหน้าจอ LCD ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ง่ายต่อต่อการใช้งานกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น แบบเครื่องพิมพ์สี รุ่น C-Cube BP-20C20Z ความเร็วในการพิมพ์ 11-20 หน้าต่อนาที เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยมาพร้อมกับจุดเด่นที่ขนาดกระทัดรัด สามารถใช้งานกับกระดาษ A3 ได้ นอกจากนี้ ยังมีรุ่น C-Cube IT BP-30C25Z และ รุ่น Titan BP-50C26 ที่ความเร็วการพิมพ์ 21-30 หน้าต่อนาที จุดเด่นของสินค้า คือ สามารถสั่งปริ้นงานจากมือถือได้ มีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD 128 GB หน้าจอ LCD ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และ 10.1 นิ้วตามลำดับ อีกทั้งยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมสำหรับเชื่อมต่อบริการ Cloud Services ซึ่งสามารถทำได้ทั้ง สแกนและอัพโหลดไฟล์ไปอยู่บน Cloud เพื่อแชร์ให้กับผู้ร่วมงานดู แก้ไข และพิมพ์เอกสารได้ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกสำนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด เหมาะกับการทำงานแบบไฮบริดในยุคปัจจุบัน โดยอุปกรณ์เสริมสำหรับเชื่อมต่อบริการดังกล่าว สามารถติดตั้งได้ทั้งรุ่น Nova E, รุ่น C-Cube IT และ รุ่น Titanนอกจากนี้ โดยปกติเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปจะต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอจึงส่งผลทำให้เกิดความร้อนสะสมได้แต่ชาร์ปมองเห็นรายละเอียดและให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวในการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เครื่องถ่ายเอกสารของชาร์ปจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการลดความร้อนในโหมดสแตนด์บาย รวมถึงการสร้างไฟล์ข้อมูลให้เป็น Document Solution ในรูปแบบซอฟท์ไฟล์ได้ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเพิ่มทางเลือกโดยการแชร์ข้อมูลดังกล่าวให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านการสื่อสารออนไลน์ได้ จะช่วยลดการใช้กระดาษและการใช้พลังงานอีกทางหนึ่ง"เครื่องถ่ายเอกสารชาร์ป ชูจุดแข็งเรื่อง คุณภาพที่ยอดเยี่ยม แข็งแรงทนทาน มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมทั้งการบริการหลังการขายที่รวดเร็ว อะไหล่ราคาไม่แพง และสามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะจุดที่ต้องการซ่อมบำรุงได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยกเซ็ตแบบยี่ห้ออื่นๆ ในตลาด" นายมินาโตกาวะ กล่าวนายชูเฮย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จุดแข็งของสินค้าภายใต้แบรนด์ชาร์ปคือ การมีกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ครอบคลุมทุกการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงกลุ่มสินค้าที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสม่า คลัสเตอร์ (Plasmacluster Technology) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะชาร์ป ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ด้วยเทคโนโลยีนี้จะช่วยดูแลเรื่องคุณภาพของอากาศ ลดและยับยั้งการเติบโตเชื้อโรครวมถึงแบคทีเรีย เพื่อให้คุณภาพชีวิตของลูกค้าดีขึ้น ในการช่วยลดและป้องกันการเจ็บป่วยจากมลภาวะ จากการใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางสภาวะสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปนอกจากนี้ชาร์ปยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี AIoT ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแนวทางการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของชาร์ปที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า สามารถใช้ตรวจสอบและควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่นที่ทันสมัยได้ง่ายและแม่นยำ สำหรับกลุ่มสินค้าเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ โดยรวมถึงวิสัยทัศน์ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวและยั่งยืน ชาร์ปยังตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในโลกปัจจุบัน ด้วยนโยบายการเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มุ่งเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสภาวะโลกร้อน โดยขับเคลื่อนผ่านโครงการ SHARP Eco Vision 2050 "ชาร์ปกำลังดำเนินงานเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีให้กับโลกของเราอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สำเร็จภายในปี ค.ศ. 2050 ตามที่ตั้งเป้าไว้ การดำเนินงานของชาร์ปแบ่งตามสาระสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรีไซเคิลทรัพยากร รวมถึงความปลอดภัยและความมั่นคง" นายชูเฮย์ กล่าว
ลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์สินค้าชาร์ป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-855-8585 (เครื่องถ่ายเอกสารและจอแสดงผล) หรือ 02-855-8888 (เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน) หรือทางโซเชียลมีเดีย Facebook Sharp Thai และ Line Official Account @sharpthai