สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ GS1 Thailand จัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ภายใต้หัวข้อ "Next Generation of Retail Business for Consumer Safety & Protection ค้าปลีกมิติใหม่ ร่วมใส่ใจผู้บริโภค" รูปแบบ Hybrid เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังการบรรยายพิเศษด้านการค้าปลีกรูปแบบใหม่จากวิทยากรกิตติมศักดิ์และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับการนำไปประยุกต์ใช้ ต่อยอดในระบบธุรกิจต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้สามารถกลับมาเข้มแข็งภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด- 19 ณ แกรนด์ฮอลล์ 201 -203 ไบเทค บางนา
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ถือเป็นหน่วยงานหลักภายใต้ ส.อ.ท. ที่ช่วยส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ให้แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและโอกาสทางการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "Next Generation of Retail Business for Consumer Safety & Protection ค้าปลีกมิติใหม่ ร่วมใส่ใจผู้บริโภค" ซึ่งเป็นหัวข้อที่มีความน่าสนใจและสอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมค้าปลีกในปัจจุบัน
แนวโน้มของภาคธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งแนวโน้มการค้าปลีกที่มีบทบาทและส่งผลต่อการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีก คือ Seamless shopping experience ซึ่งเป็นวิธีที่ธุรกิจค้าปลีกจะให้บริการลูกค้า "ตลอดเส้นทาง" ของการซื้อแบบ "ไร้รอยต่อ" เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เชิงบวกและรวดเร็วทันใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการซื้อขายได้ด้วย โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทุกช่องทางการจำหน่ายและทำความเข้าใจใส่ใจผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่อง Sustainability กระแสความยั่งยืนก็ยังคงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลาสติก การควบคุมสต็อกเพื่อลดสินค้าเสียทิ้ง และการอุดหนุนและช่วยพัฒนากระบวนการผลิตของผู้ประกอบการรายเล็ก เป็นต้น ซึ่งมาตรฐานสากล GS1 สามารถเข้ามาช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประยุกต์ใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติมาตรฐานสากล GS1 ซึ่งเป็นบาร์โค้ดที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค โดยสามารถป้องกันการขายสินค้าหมดอายุ ณ จุดขาย โดยข้อมูลที่อยู่ในบาร์โค้ด 2 มิติ จะแจ้งเตือนลูกค้าและห้ามไม่ให้มีการซื้อสินค้าหมดอายุเหล่านั้น สำหรับผู้ค้าปลีกเอง ก็สามารถใช้ประโยชน์จากบาร์โค้ด 2 มิติได้ โดยสามารถทำการเรียกคืนสินค้าที่พบว่ามีปัญหาด้วยหมายเลข Batch / Lot ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในบาร์โค้ด 2 มิติ จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถระบุตำแหน่งของ Batch ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนหรือถูกเพิกถอน และสามารถทำการตรวจสอบย้อนกลับผ่านสายการผลิต ทำให้ง่ายต่อการระบุแหล่งที่มาของการปนเปื้อน นอกจากนี้ บาร์โค้ด 2 มิติยังช่วยเพิ่มความสดใหม่และความยั่งยืนของอาหาร เพราะข้อมูลที่อยู่ในบาร์โค้ด 2 มิติ ทำให้เราทราบถึงสินค้าที่หมดอายุ จึงช่วยให้เกิดการหมุนเวียนสินค้าได้รวดเร็วขึ้น และช่วยเพิ่มความสดใหม่ของอาหารและลดอาหารเหลือทิ้ง ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืนที่สอดคล้องกับเทรนด์ค้าปลีกในปัจจุบัน นายเกรียงไกร กล่าว
ดร.คมสัน เหล่าศิลปเจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand)และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า ในปีนี้ สถาบันฯ จัดประชุม ภายใต้หัวข้อ "Next Generation of Retail Business for Consumer Safety & Protection หรือ ค้าปลีกมิติใหม่ ร่วมใส่ใจผู้บริโภค" ซึ่งถือเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและสอดคล้องกับการปฎิวัติครั้งใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ที่ผ่านมา แม้ว่าบาร์โค้ด 1 มิติตามมาตรฐานสากล GS1 จะมีการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีกมาอย่างยาวนาน แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดที่สามารถรองรับการใส่ข้อมูลเฉพาะเลขหมายประจำตัวสินค้าสากล หรือ เลข GTIN ของสินค้าเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ไม่เหมาะที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน บาร์โค้ด 2 มิติที่สามารถใส่ข้อมูลได้หลากหลาย จึงเริ่มเข้ามามีบทบาท โดยเป็นสัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์ที่กำลังจะเข้ามาปฏิรูปอาหารสดในการค้าปลีก และเป็นสัญลักษณ์เดียวที่ทำให้ข้อมูลต่างๆ ของสินค้าสามารถสแกนพร้อมกันได้ ณ จุดขาย ได้แก่ หมายเลข Batch / Lot หมายเลขซีเรียล วันที่ควรบริโภคก่อน วันหมดอายุ วันที่บรรจุ น้ำหนัก และราคาของสินค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เองที่ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยทางด้านอาหารสำหรับผู้บริโภค โดยสามารถป้องกันการขายสินค้าที่หมดอายุ ได้ทันทีที่เครื่องชำระเงิน โดยมีหลักการ คือ เมื่อสินค้าที่หมดอายุถูกสแกน ณ จุดขาย ข้อมูลที่อยู่ในบาร์โค้ด 2 มิติ จะแจ้งเตือนลูกค้าและห้ามไม่ให้มีการซื้อสินค้าเหล่านั้น บาร์โค้ด 2 มิติ ตามมาตรฐานสากล GS1 จึงเป็นเทรนด์ใหม่ที่กลุ่มค้าปลีกทั่วโลกให้ความสนใจและเริ่มนำร่องการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติเหล่านี้
สำหรับประเทศไทย GS1 ได้ร่วมมือกับเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-ELEVEN) นำร่องการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติ ซึ่งถือเป็นผู้ค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ชนิด GS1 DataMatrix ไปประยุกต์ใช้ในการแจ้งเตือนสินค้าหมดอายุที่จุดขาย นอกเหนือจากวันหมดอายุที่ตีพิมพ์ไว้บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค โดยได้เริ่มนำร่องกับสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) ที่ผลิตโดยบริษัท ซีพีแรม จำกัด ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลรหัสสินค้า ล็อตการผลิต และวันที่ควรบริโภคก่อน ลงในสัญลักษณ์บาร์โค้ด 2 มิติชนิด GS1 DataMatrix ที่พิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์สินค้าโดยตรงในสายการผลิต เมื่อแคชเชียร์สแกนบาร์โค้ดดังกล่าวที่จุดขาย เครื่องคอมพิวเตอร์จะแสดงราคาสินค้า พร้อมกับตรวจสอบวันที่ควรบริโภคก่อน หากพบว่าสินค้าดังกล่าวเลยกำหนดวันที่ควรบริโภคก่อน ระบบจะระงับการขายสินค้าชิ้นนั้น พร้อมกับแจ้งเตือนไม่ให้แคชเชียร์นำส่งสินค้าชิ้นนั้นแก่ผู้บริโภค และต้องดำเนินการกำจัดทิ้งตามกระบวนการหน้าร้านทันที ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้มากขึ้นว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพเมื่อซื้อสินค้าที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ทาง บมจ. ซีพี ออลล์ บจก. ซีพีแรม รวมถึงบริษัท หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ จำกัด จะมาร่วมเสวนาถึงการยกระดับความปลอดภัยให้ผู้บริโภคด้วยบาร์โค้ดสองมิติเจเนอเรชั่นใหม่นี้ด้วย
นอกเหนือจากการสัมมนาแล้ว ยังมีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเชื่อมโยงฐานข้อมูลสินค้าระหว่าง GS1 Thailand Member Portal และแอปพลิเคชั่น ECOLIFE ตลอดจนเข้าร่วมเยี่ยมชมงาน GS1 Thailand Expo 2022 ที่มีการจัดโซนแสดงเพื่อให้ความรู้ต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับมาตรฐานสากล GS1 ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับประโยชน์และความรู้มากยิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit