Heat stroke กับการออกกำลังกาย เกิดได้แม้ไม่ใช่หน้าร้อน
ปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพกำลังมาแรง ผู้คนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น โดยเฉพาะการวิ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ในบ้านเรามีการจัดงานวิ่งหลายงานตั้งแต่ วิ่งมาราธอน, มินิมาราธอนหรือการวิ่งระยะสั้นอย่างฟันรัน ให้นักวิ่งที่สนใจเลือกลงแข่งขันได้ตามความเหมาะสมของสภาพร่างกายตัวเอง การฝึกซ้อม ความฟิต
แม้ว่าการวิ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่ถ้าเราไม่มีการเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี ก็อาจเสี่ยงเกิดอันตรายขณะวิ่งได้ โดยอาการอันตรายที่เกิดจากการวิ่งมาราธอนที่เรามักพบเจอได้และอาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิต นั่นก็คือ Heat Stroke หรือ โรคฮีทสโตรก
Heat Stroke เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศา และร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิลงได้ จนเป็นผลทำให้อวัยวะในร่างกายได้รับความเสียหาย และทำงานผิดปกติ บางครั้งอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การออกกำลังกายทำให้เกิด Heat Strokeได้อย่างไร?
มีการรายงานถึงการเกิดภาวะ Heat Stroke ในฤดูกาลอื่นที่ไม่ใช่ฤดูร้อน เป็นผลมาจากความชื้นในอากาศที่สูงและไม่มีแรงลม ทำให้ไม่สามารถขับความร้อนและพัดพาความร้อนจากร่างกายไปได้ การออกกำลังกายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด Heat Stroke คือการออกกำลังกายที่นานกว่า 1 ชั่วโมง เช่น การวิ่งมาราธอน การเต้นแอโรบิก เป็นต้น โดยอาการจะเริ่มจากลมแดด คือมีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รู้สึกหน้ามืด เหงื่อออกน้อยหรืออาจไม่มีเหงื่อ จนมีอาการของฮีทสโตรกคือ หมดสติ ชักเกร็ง และอาจทำให้เสียชีวิตได้
การป้องกันการเกิด Heat Stroke
การเตรียมตัวก่อนไปวิ่งมาราธอน
สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานการออกกำลังกายมาก่อนแล้วอยากลองวิ่งมาราธอน ต้องเริ่มจากการเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการซ้อมวิ่งก่อน โดยมือใหม่หัดวิ่งควรเริ่มต้นจากการวิ่งเบาๆ อย่างการวิ่งสลับเดิน ใช้เวลาสั้นๆ 30 นาทีต่อวัน วิ่งประมาณ 3-5 ครั้ง ต่อสัปดาห์ การซ้อมวิ่งเบาๆ จะทำให้ร่างกายคุ้นชินกับการใช้พลังงานมากขึ้น หลังจากนั้นจึงค่อยๆ พัฒนาการซ้อมให้จริงจังมากขึ้น
นอกจากการเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการซ้อมวิ่งแล้ว การตรวจร่างกายก่อนวิ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยการตรวจจะเน้นไปที่การประเมินความเสี่ยงการเกิดอันตรายในขณะวิ่ง เช่น การประเมินอัตราการใช้ออกซิเจน, ตรวจสอบอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงโรคที่มีความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการวิ่งมาราธอนอย่าง เช่น โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, หอบหืด เป็นต้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit