กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.55-35.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.76 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายช่วงกว้างระหว่าง 34.71-36.08 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 16 สัปดาห์หลังนักลงทุนมองว่าดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ใกล้ที่จะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ขณะที่ประธานเฟดระบุว่าเฟดอาจจะชะลอความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.แม้เตือนว่าการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อจะยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่ามีโอกาสราว 77% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50bp สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ราว 5-5.25% ในช่วงครึ่งแรกของปี 66 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทย 4,493 ล้านบาท และ 25,269 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า เงินดอลลาร์อาจฟื้นตัวหลังจากอ่อนค่าลงมาเร็ว โดยในระยะสั้นราคาได้สะท้อนการคาดการณ์นโยบายเฟดและการทยอยคลายความเข้มงวดของมาตรการปลอดโควิดของจีนไปมากพอสมควรแล้ว อีกทั้งการเติบโตของค่าจ้างและภาคบริการสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง อนึ่ง เราตีความท่าทีล่าสุดของประธานเฟดเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการคุมเข้มนโยบายมากเกินไป (Overtighten) ว่าเป็นความพยายามสื่อสารว่าตลาดต้องรับมือกับนโยบายการเงินที่จะค้างไว้อยู่ที่ภาวะตึงตัวเป็นระยะเวลานาน โดยเฟดจะลดขนาดการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อที่จะไม่ต้องรีบปรับลดดอกเบี้ยลงในอนาคต
สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์ โดยสนับสนุนการปรับดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจการเงินโลกที่สูงขึ้นแต่หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ กนง.พร้อมที่จะปรับนโยบายให้เหมาะสม โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน จะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป เรายังคงมองเช่นเดิมว่ากนง.จะขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ในไตรมาสแรกของปีหน้า
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit