ฟิทช์ คาดว่า การปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศจะทำให้บริษัทประกันชีวิตได้รับผลประโยชน์ แต่น่าจะเป็นระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจประกันชีวิตอื่นในภูมิภาคในเอเซีย แม้บริษัทประกันชีวิตไทยอาจจะได้รับผลกระทบด้านรายได้ในระยะสั้นจากสภาพตลาดที่มีความผันผวน แต่น่าจะยังคงมีระดับเงินกองทุนที่อยู่ระดับบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันอาจจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงของผู้ถือกรมธรรม์ที่ไม่ต่ออายุกรมธรรม์เดิม และเปลี่ยนมาซื้อกรมธรรม์ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ความเสี่ยงของการขาดการต่ออายุในกรมธรรม์ของผู้ถือเดิม เพื่อทดแทนด้วยกรมธรรม์ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตในประเทศยังอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการเติบโตของธุรกิจใหม่
ฟิทช์ เชื่อว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสเป็นปัจจัยเร่งผลักดันให้บริษัทประกันชีวิตมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (digitalisation) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภค เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อรักษาความสามารถในแข่งขันได้ในตลาด อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่า ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนและธนาคาร จะยังเป็นช่องทางหลักของบริษัทประกันชีวิต โดยการขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางดิจิทัลจะเพิ่มความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอีกด้วย ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าผลกระทบของนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจต่ออันดับเครดิตของบริษัทประกันภัยจะอยู่ในระดับที่ต่ำถึงปานกลาง
ฟิทช์คาดว่า สัดส่วนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยน่าจะช่วยให้มีโอกาสเติบโตในส่วนของธุรกิจประกันสุขภาพ และบริษัทประกันชีวิตน่าจะมีการบริหารจัดการกำไรของการรับประกันภัยผ่านวิธีการป้องกันความเสี่ยงเพื่อลดโอกาสการเรียกค่าสินไหมที่สูงขึ้น นอกจากนี้มาตราการการกำกับธุรกิจประกันภัยในประเทศที่ผ่านมาค่อนข้างเอื้ยอำนวยให้บริษัทประกันชีวิตสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดและภาวะเศรษฐกิจได้ ตัวอย่างเช่น การปรับปรุงระเบียบให้สามารถจัดจำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัลได้ และการเพิ่มทางเลือกในด้านการลงทุนเพื่อบริหารผลตอบแทนจากการลงทุน
รายงานของฟิทช์หัวข้อ "Thai Life Insurance Market" สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit