5 เรื่องต้องรู้! ก่อนก้าวเข้าสู่โลกแห่งความสนุกและอบอุ่น กับนิทรรศการ It's Me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama

Warbie Yama มีจุดเริ่มต้นจากแอนิเมชั่นเรื่อง Cheez...z 

แอนิเมชั่นเรื่อง Cheez...z เป็นเรื่องราวของคุณลุงยามะ ที่พยายามถ่ายรูปเจ้านกสีเหลืองจอมกวน Warbie ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2008 และได้รับรางวัลและการเสนอชื่อในเทศกาลภาพยนตร์ และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะในอเมริกาและประเทศอื่น ๆ มากมาย อาทิ ION International Film Festival (Best Animation), Kids First Film Festival (Best Animation), Burbank International Film Festival, Angelus Student Film Festival (Finalist), New Orleans Film Festival, Northwest Animation Festival, Nashville Film Festival, Savannah International Animation Festival, Indie Spirit Film Festival, Ojai Film Festival, Red Stick International Animation Festival, Woods Hole Film Festival, Cody Theatre (Featured opening film) และ Kimbell Art Museum, Texas

ภายในนิทรรศการนี้ได้ย้อนเรื่องราวจุดเริ่มต้นนี้อีกครั้ง ใน Warbie Yama บนจอใหญ่ จะมีการฉายแอนิเมชั่น Cheez…z เรื่องราวต้นฉบับของวอร์บี้ ยามะ และแอนิเมชั่นเรื่องสั้นใหม่ ๆ จากคุณอรุษ (Arut) และศิลปินที่ร่วมงานกับวอร์บี้ ยามะ โดยผู้เข้าชมจะได้ชมเรื่องราวของวอร์บี้ ยามะ บนจอขนาดใหญ่พร้อมที่นั่ง 100 ที่นั่งได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนับเป็นงานแรกที่ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก จัดแสดงผลงานในห้องนิทรรศการขนาดใหญ่

Warbie คือนก ไม่ใช่เป็ด ไม่ใช่ลูกเจี๊ยบ 

หลายคนยังคงเข้าใจว่า Warbie คือ ลูกเจี๊ยบหรือเป็ด แต่แท้จริงแล้ว Warbie คือ นกจอมกวนสีเหลืองผู้ที่ชอบมองข้างตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่คิดว่าตัวเองรู้ทันคนอื่น ซึ่งนิสัยอันโดดเด่นของวอร์บี้ที่ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกตกหลุมรัก คือ แม้วอร์บี้เป็นนกที่ดูหน้าตากวน แต่ภายในนั้นก็มีจิตใจดีและสนุกสนานกับการกินเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นของโปรดล่ะก็ จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

Warbie Yama ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินไทย 

Arut หรือ อรุษ ตันตสิรินทร์ ถือเป็นหนึ่งศิลปินไทย ที่โด่งดังไปไกลระดับโลก และไม่ได้มีแค่ Warbie กับ Yama เท่านั้น แต่ Arut ยังสร้างสรรค์ตัวละครอีกมากมาย ที่มาสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับแฟนๆ อย่าง Phebie (ฟีบี้) เพื่อนสนิทของวอร์บี้ เจ้านกร่าเริงตัวชมพูจอมซุ่มซามและอ่อนไหวในบางครั้ง ฟีบี้ตามวอร์บี้ออกมาจากโลกแห่งความลับและมักเป็นที่รักของคนในเมือง Mali (คุณป้ามะลิ) คุณป้าผู้ที่มอบความรักและสนุกสนานจากการตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับผู้คน เธอเป็นเพื่อนกับยามะตั้งแต่เด็ก ๆ และยังคงมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอ ช่วงเวลาที่มีคุณค่าของมะลิคือการออกไปปั่นจักรยานเล่นกับยามะ เธอเอ็นดูเจ้าวอร์บี้และรู้สึกเข้าถึงจิตวิญญาณของมัน Chuchu (ชู ชู) เด็กชายที่ชื่นชอบการผจญภัย ผู้เป็นทั้งคู่หูและคู่ปรับของวอร์บี้ ชู ชู ได้พลัดหลงกับแบมบู เจ้าหมาที่เขารักและเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้ ชู ชู จะดูเป็นเด็กเกเรแต่เขาก็มีมุมอ่อนโยนที่หลายคนคาดไม่ถึง และ Bambu (แบมบู) เจ้าหมา 2 บุคลิก ที่กลายเป็นร่างอันทรงพลังได้ง่ายเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ในอดีตแบมบูได้พลัดหลงกับชู ชูและตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับคุณยามะ

ผจญภัยและรู้จัก Warbie ได้มากขึ้น

นิทรรศการ It's me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama จะพาทุกคนได้ไปสัมผัสจุดเริ่มต้นและเบื้องหลังการเจอกันของสองเพื่อนซี้ วอร์บี้ และคุณลุงยามะที่ก่อกำเนิดเป็นมิตรภาพที่ไร้กาลเวลา โดยภายในนิทรรศการได้ถูกออกแบบมาให้รับชม พร้อมรับความสนุกสนาน เสมือนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยในโลกของวอร์บี้จริงๆ

Warbie Orchestra ที่สร้างสรรค์เพื่อ Warbie เท่านั้น 

นอกจากเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ แสง สีแล้ว เสียงถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ โดยเฉพาะโซน ชมจันทร์กับ Warbie ด้วยบทเพลง Moments ซึ่งเป็นหนึ่งในบทเพลงในอัลบั้มพิเศษ "The Inside World of Warbie Yama" ที่ Arut ร่วมกับนักประพันธ์เพลง Modman Dee (ภูดินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล) และบรรเลงโดย Warbie Orchestra เป็นครั้งแรก ที่ได้ถ่ายทอดอารมณ์การนึกถึงความทรงจำที่มีค่า และรอคอยการกลับมาพบกันอีกครั้ง และยังมีบทเพลง Inside World ที่ว่าด้วยการผจญภัยในอดีตของยามะไปในโลกลึกลับของวอร์บี้ และ Warbie Yama (theme) ที่เป็นการนำทำนองต้นฉบับที่ Arut แต่งไว้ในหนังสั้น Cheez…z มาขยายและเติมเต็มเรื่องราวของวอร์บี้ในปัจจุบันได้อย่างมีสีสันและงดงามอีกด้วย บทเพลงต่างๆ เหล่านี้จึงถือเป็นความพิเศษที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนิทรรศการ It's Me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama โดยเฉพาะ

นี่คือเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งของ Warbie Yama ที่น่ารู้ เพื่อให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้ท่องไปใน Inside World ของ Warbie Yama ไปด้วยกัน สามารถร่วมชมนิทรรศการ It's Me, Warbie! The Inside World of Warbie Yama ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 มกราคม 2566 ณ RCB Galleria 2 ชั้น 2 ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการได้ที่ The Gallery Shop ชั้น 1 บริเวณทางเข้าหลักและช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ ZipEvent: https://t.ly/Mqaw และ Ticketmelon: https://t.ly/BAwA บัตรราคา 290 บาท สำหรับบุคคลทั่วไป และ 190 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

• ข่าวอมยิ้ม
• ข่าวนิทรรศการ
• ข่าวน่ารัก