บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP ติดปีกดันผลงานโต หลังกฎหมายปลดล็อก สมุนไพร กัญชง กัญชา ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 มีผลบังคับใช้ ชี้เป็นโอกาสช่องทางการตลาดน้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) โดย JP มีความพร้อมด้านโรงงานการผลิตและนวัตกรรมชั้นเลิศ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เผยปัจจุบันรอขึ้นทะเบียนโรงงานสกัดสาร CBD คาดจะได้รับการอนุมัติจากอย. ในช่วงไตรมาส 3/65 นี้ พร้อมเร่งสปีดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ เร่งเครื่องขยายกำลังการผลิตเต็มสูบ
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา เรื่องกฎหมายปลดล็อก สมุนไพร กัญชง กัญชา ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 ให้มีผลบังคับใช้ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกพืชนี้ได้ในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเกิดการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวเนื่อง เรียกได้ว่าประโยชน์มีตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงภาคธุรกิจ
โดยปัจจุบันสำนักงาน อย. ได้อนุมัติใบอนุญาตการผลิต ผลิตภัณฑ์น้ำมันจากเมล็ดกัญชง เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่โรงงานกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว ด้านการขอใบอนุญาตการผลิตที่โรงงานจ.ลำพูนนั้น ปัจจุบันทางอย.ได้อนุมัติในหลักการมาแล้ว คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรได้ในปี 2566 ส่วนการขึ้นทะเบียนโรงงานสกัดสาร CBD คาดจะได้รับการอนุมัติจาก อย. ในช่วงไตรมาส 3/65 นี้ พร้อมเร่งสปีดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งพร้อมกันกับการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการปลดล็อกในครั้งนี้ช่วยให้ JP หาวัตถุดิบได้ถูกลง ช่วยลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนความสามารถการทำกำไร
สำหรับโรงงานที่จังหวัดลำพูน ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องจักรสกัดกัญชาและกัญชง เพื่อรองรับการผลิตสารสกัด น้ำมันกัญชา, full spectrum, board spectrum, CBD isolate, water soluble CBD isolate ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม/เดือน ขณะที่สิ้นปีจะขยายกำลังการผลิตสูงสุดเป็น 30,000 กิโลกรัม/เดือน รองรับความต้องการลูกค้ากลุ่ม ที่รับจ้างผลิต (OEM) และแบรนด์ของทางบริษัทเอง (Own Brand)
ในด้านสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าน้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) ทางบริษัทฯแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ รับจ้างผลิตสินค้า OEM ให้ลูกค้ากลุ่มปัจจุบันที่ต้องการขยายสินค้าตัวใหม่ และมีช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขวาง เช่น ธุรกิจร้านขายยา ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์โดยตรง (Brand Owner) รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ อีกช่องทางคือ การผลิต Hemp Seed Oil เพื่อทำการตลาดในส่วนของแบรนด์ของบริษัทเอง (Own Brand) โดยแบ่งสัดส่วน 90% และ 10% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้เพิ่มไลน์ผลิตยาสมุนไพรแบบ Soft Gel (แคปซูลนิ่ม) คาดได้รับใบอนุญาตให้ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีไลน์ผลิตยาแบบ Soft Gel ทั้งหมด 2 ไลน์ผลิต แบ่งออกเป็น ไลน์อาหารเสริมและยาแผนปัจจุบัน จากโอกาสครั้งนี้เชื่อมั่นจะสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้มากขึ้น
"เรามองโอกาสช่องทางของตลาด Hemp Seed Oil ว่า JP มีความพร้อมด้านโรงงานการผลิต พร้อมด้วยนวัตกรรมชั้นเลิศ ที่มาพร้อมกับการได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล GMP PIC/S คือ มาตรฐานการผลิตยาขั้นสูง เทียบเท่ากับมาตรฐานการผลิตยาของสหภาพยุโรป (EU-GMP) และมองว่าหลังจากที่ภาครัฐเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปมาก ผลิตภัณฑ์ hemp seed oil จะเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างภูมิปัญญาของคนไทยให้รู้จักได้ทั่วโลก" ดร.สิทธิชัย กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit