บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ก้าวไปอีกสเต็ป เดินหน้าเซ็นสัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding Ltd. รัฐวิสาหกิจจีน เร่งพัฒนาระบบขนส่งผลไม้และสินค้าอีคอมเมิร์ซทางรถไฟระหว่างไทยและจีน ผ่านแพลตฟอร์มที่สร้างร่วมกัน ฟากซีอีโอ "เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" ระบุความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้ LEO สามารถขยายการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับการขนส่งสินค้าทางรางไปยังประเทศจีน ได้ครบวงจรมากขึ้น สร้างความสามารถในการแข่งขันให้แตกต่าง และช่วยสนับสนุนนักธุรกิจไทยส่งออกผลไม้ไปจีนได้มากขึ้นด้วย มั่นใจสนับสนุนรายได้เพิ่ม ผลักดันอนาคตโตก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ( Strategic Cooperation Agreement ) กับ บริษัท Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding Ltd. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน เพื่อพัฒนาระบบบริการรถไฟสำหรับการขนส่งผลไม้และสินค้าอีคอมเมิร์ซระหว่างไทยและจีน
ทั้งนี้ บริษัท Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding Ltd. เป็นบริษัทโลจิสติกส์ระดับ 5A ของจีน โดยเป็นผู้บริหารจัดการ Gallops International Land Port ซึ่งเป็นศูนย์โลจิสติกส์ระดับชาติที่ครอบคลุมพื้นที่จำนวน 1,528 ไร่ โดยมีการลงทุนรวม 1,100 ล้านหยวน และเป็นศูนย์การขนส่งทางบกที่เชื่อมต่อเส้นทางมณฑลยูนนาน ที่สามารถกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ในจีน และต่อไปยังทวีปอื่นๆ เช่น ยุโรป เป็นต้น
สำหรับขอบเขตความร่วมมือระหว่างกันนั้น Yunnan Tengjun จะให้บริการพิธีการทางศุลกากรและการกระจายสินค้าภายในประเทศจีน รวมถึงพัฒนาการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่าง ไทย- จีน ทั้งทางรถไฟ และทางรถบรรทุก เพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าโดยตู้คอนเทนเนอร์ทั้งแบบธรรมดาและแบบห้องเย็นที่เพิ่มขึ้นจาก LEO ซึ่งในขณะนี้ความร่วมมือดังกล่าว อยู่ในช่วงของการทดสอบระบบและทดลองการให้บริการ คาดว่าจะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2565 นอกจากนี้ ทาง Yunnan Tengjun ยังมีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่จะเข้ามาช่วยจำหน่ายผัก ผลไม้หรือสินค้าที่ส่งมาจากประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนและจัดทำ platform คาดว่าจะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณและขยายตลาดให้กับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทยและจีน ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้
"ในส่วนของเป้าหมายและประโยชน์ที่ LEO คาดว่าจะได้รับคือ LEO จะสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้เหนือคู่แข่ง เนื่องจากเราได้ต้นทุนการให้บริการจากพันธมิตรที่สามารถแข่งขันได้ และสามารถให้บริการทั้งนำเข้าและส่งออกสินค้าได้อย่างครบวงจรทั้งในประเทศไทยและในประเทศจีน นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกไทยให้สามาถส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนได้มากขึ้น ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตขึ้น สำหรับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ วางเป้าหมายในส่วนของรายได้ให้เติบโตขึ้นอย่างน้อยปีละ 100 ล้านบาท ภายในปี 2566 " นายเกตติวิทย์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit