เป็นเวลายาวนานเกือบ 3 ปีที่ไทยได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ และแม้ว่าสถานการณ์ ดูเหมือนกำลังจะคลี่คลายลงภายหลังจากการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้ง 5 หรือที่เรียกว่า "พายุเศรษฐกิจ 5 สูง" ประกอบด้วย เงินเฟ้อสูง หนี้ครัวเรือนสูง ราคาพลังงานสูง ต้นทุนสินค้าสูง และราคาสินค้าสูง ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แม้ขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่เผชิญกับ Stagflation หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ หากเราไม่สามารถเร่งเครื่องเดินหน้าเศรษฐกิจไทยให้โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่ Stagflation ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงต้องผลักดันเศรษฐกิจให้มีการเติบโตท่ามกลางพายุเศรษฐกิจ 5 สูง โดยต้องมีมาตรการเชิงรับและเชิงรุก ที่รอบด้าน และทำให้เกิดผลลัพธ์ได้จริง
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า "ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นฟู แต่ยังคงมีความเปราะบาง จากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกเป็นพระเอก แต่ตอนนี้จะเป็นการสลับขั้วกัน การส่งออก จะโตได้ไม่มากเนื่องจากถูกจำกัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้น ต่อจากนี้ไป ภาคค้าปลีกและบริการจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และถือเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะในขณะนี้ ประเทศไทยต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเป็นหลัก โดย ภาคการท่องเที่ยวมี SMEs ของค้าปลีกและบริการอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่ง SMEs ของภาคค้าปลีกและบริการนั้นมีจำนวนถึง 2.4 ล้านราย คิดเป็น 80% ของ SMEs ทั้งประเทศ (SMEs ทั้งประเทศมีจำนวนกว่า 3 ล้านราย) อีกทั้ง ยังมีการจ้างงานในระบบกว่า 13 ล้านราย คิดเป็น 30% ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยให้สถานะของตลาดแรงงานและระบบตลาดแรงงานไทยกลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ มูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมของกลุ่มนี้ มีมูลค่ารวมกว่า 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34% ของ GDP การบริโภคทั้งประเทศ ดังนั้นถ้าภาครัฐผลักดันให้ SMEs ในภาคค้าปลีกและบริการแข็งแรง โดยสร้างแต้มต่อและเสริมสภาพคล่อง ให้ SMEs ผ่านการเชื่อมต่อกับธุรกิจขนาดใหญ่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกและรวดเร็ว ก็จะเสริมให้ภาคท่องเที่ยวของประเทศแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เศรษฐกิจไทยจึงจะกลับมาฟื้นคืน และเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง"
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จึงขอนำเสนอ 3 มาตรการเชิงรับและเชิงรุก ดังนี้
"เศรษฐกิจไทยกำลังถูกกระทบจากความเสี่ยงรอบด้าน และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรากำลังเผชิญพายุเศรษฐกิจ 5 สูงนี้อยู่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จำเป็นต้องเตรียมพร้อมและตั้งรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อรับมือกับพายุเศรษฐกิจนี้ให้ได้ นอกจากนี้ สมาคมฯ ขอฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ให้เร่งดำเนินการตามนโยบาย 9 ดี : กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนของท่าน เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงและเป็นหัวใจหลักของประเทศให้เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาแข็งแรง และประเทศไทยกลับมาเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง" นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit