หลังการเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้นำทั่วโลกต่างตั้งตารอการประชุมความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 (COP15) ในปีนี้ เพื่อจัดทำแผนการที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสังคมมนุษย์กับความหลากหลายทางชีวภาพ และเพื่อให้มั่นใจว่าวิสัยทัศน์ในการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติจะเป็นจริงได้ภายในปี 2050 บรรดาธุรกิจชั้นนำต่างเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีผลกระทบเชิงบวกเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์เพื่อสร้างความสามารถในการฟื้นตัว ปกป้องธรรมชาติ และปกป้องเกษตรกร
บริษัท ดีโอเลโอ ผู้ผลิต เบอร์ทอลลี่(R) แบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวกลยุทธ์ 2030 Global Sustainability หรือแผนการสร้างวิสัยทัศน์ระยะยาวสำหรับอนาคตเพื่อดูแลผู้คนและโลกใบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ยาวนานหลายทศวรรษในอุตสาหกรรมน้ำมันมะกอก
กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้แนวทางที่วางไว้ของบริษัทเป็นรูปธรรมมากขึ้นผ่าน 3 เสาหลักของธุรกิจซึ่งประกอบไปด้วย Growing Together คือการที่ดีโอเลโอจะยังคงสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ชุมชนโดยร่วมมือกับเกษตรกรในท้องถิ่นจัดซื้อน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพ Blending with Love คือเสาหลักที่จะนำทางดีโอเลโอไปสู่การผลิตที่มีคุณภาพสูงและมีความสมบูรณ์พร้อม และ Caring for You คือคำมั่นสัญญาของบริษัทที่จะดูแลพนักงานที่ผลิตสินค้าและลูกค้าที่ซื้อสินค้าของบริษัทอย่างดี
หนึ่งในคำมั่นสัญญาของดีโอเลโอยังรวมไปถึงการคว้าใบรับรองโปรโตคอลความยั่งยืน หรือ Sustainability Protocol ให้กับแบรนด์น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่มียอดขายสูงสุดให้ได้ภายในปี 2573 และให้ความรู้แก่ผู้คน 150 ล้านคนภายในปี 2573 เพื่อช่วยให้คนเหล่านั้นสนุกกับการทำอาหารที่บ้านด้วยตนเอง และได้เรียนรู้ถึงคุณประโยชน์อนันต์ของน้ำมันมะกอก
อิกเนเชียโอ ซิลวา (Ignacio Silva) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีโอเลโอ กล่าวว่า "ผมอยากให้ดีโอเลโอเป็นทูตแห่งความยั่งยืนที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อรักษาผืนดินที่อุดมสมบูรณ์และความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมในอนาคต เราตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพราะอยากเป็นพลังให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นอย่างแท้จริง และด้วยโกลบอลฟุตพริ้นท์ของเรา เราเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในวงกว้างได้"
โครงการเพื่อความยั่งยืนที่บริษัทริเริ่มขึ้น ตลอดจนกรอบการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ COP15 มีความสำคัญต่อประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีแรงงานร้อยละ 30 อยู่ในภาคการเกษตร
จากการประเมินขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2564 พบว่าครัวเรือนในภาคการเกษตรของไทยได้รับผลกระทบจากการสูญเสียรายได้ถึงร้อยละ 39 ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านการผลิตและปัญหาทรัพยากรให้รุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำ มลภาวะ และดินเสื่อมสภาพ นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยยังรับทราบถึงปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
บริษัทอย่างดีโอเลโอเข้าใจดีถึงผลกระทบที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุที่บริษัทมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันขวดแก้วสีเข้มของดีโอเลโอร้อยละ 60 ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และบริษัทยังประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงร้อยละ 12.8 ในปี 2563 อีกด้วย
คำมั่นสัญญาด้านความยั่งยืนสอดคล้องกับความพากเพียรของบริษัทที่จะปรับปรุงคุณภาพและความใส่ใจในฐานะผู้นำตลาดในทุกๆ การตัดสินใจด้านการผลิต นับตั้งแต่เทคนิคการผลิตไปจนถึงพารามิเตอร์วัดคุณภาพ เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันมะกอกที่ผลิตได้
"ผมเชื่อว่ากลยุทธ์ของเรามีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจว่าดีโอเลโอคือผู้นำในอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างผลกระทบเชิงบวก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นความคืบหน้าที่เราได้ทำไปแล้วและสิ่งที่เรากำลังจะทำต่อไป… เราตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพราะอยากเป็นพลังให้เกิดสิ่งดีๆ อย่างแท้จริง และด้วยโกลบอลฟุตพริ้นท์ของเรา เราเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในวงกว้างได้" อิกเนเชียโอ ซิลวา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีโอเลโอ กล่าวสรุป
เกี่ยวกับเบอร์ทอลลี่(R)
เบอร์ทอลลี่(R) ก่อตั้งโดย มร. ฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่ ในปี 1865 ที่เมืองลุคคา แคว้นทัสคานี แบรนด์เบอร์ทอลลี่(R) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบอาหารอิตาเลียนและวัฒนธรรมการกินแบบอิตาเลียน ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก (ภายใต้แบรนด์ดีโอเลโอ) มานานกว่า 150 ปี พันธกิจของเบอร์ทอลลี่(R) คือการรักษาคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการดึงความพิเศษจากส่วนผสมต่างๆตามธรรมชาติออกมาให้กับการปรุงอาหาร และการรักษาวัฒนธรรมในการสรรค์สร้างอาหารให้มีรสชาติโดดเด่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/BertolliTH/
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit