ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ไทย 3 แห่งที่เป็นบริษัทลูก (subsidiary) ของสถาบันการเงินต่างประเทศดังนี้
-บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGS-CIMB TH คงอันดับเครดิตที่ 'A(tha)'
-บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MST คงอันดับเครดิตที่ 'AA(tha)'
-บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YSTH คงอันดับเครดิตที่ 'AA(tha)'
ทั้ง 3 บริษัทมี 'แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ'
สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของ CGS-CIMB TH, MST และ YSTH พิจารณาจากการคาดการณ์ของฟิทช์ถึงการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่ละแห่ง ซึ่งคือ CGS-CIMB Securities International Pte. Ltd. (CGS-CSI), Malayan Banking Berhad (Maybank) และ Yuanta Financial Holding Co., Ltd. (YFHC; BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ/ bbb+) ตามลำดับ
ฟิทช์เชื่อว่า MST และ YSTH เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทแม่ เนื่องจากบริษัทมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มและแสดงถึงการร่วมมือกัน (synergies) อย่างเข้มแข็งเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่ และมีการเชื่อมโยงกันด้านแบรนด์กับบริษัทแม่อย่างชัดเจน รวมทั้งมีการผสานการดำเนินงานระหว่างกัน (integration) และมีการร่วมมือกันทางด้านการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการที่บริษัทแม่เป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ โดย YFHC ถือหุ้น YSTH ที่ 99.99% และ Maybank ถือหุ้น MST ที่ 83.5% และมีอำนาจในการควบคุมบริหารงานอย่างใกล้ชิด อันดับเครดิตยังได้สะท้อนถึงการที่บริษัทลูกมีขนาดของสินทรัพย์ที่เล็กเมื่อเทียบกับกลุ่มบริษัทแม่ซึ่งหมายถึงบริษัทแม่น่าจะมีทรัพยากรทางการเงินที่เพียงพอที่จะให้การช่วยเหลือกับบริษัทลูกได้ในกรณีที่จำเป็น
ฟิทช์มองว่า CGS-CIMB TH มีสถานะเป็นบริษัทลูกหลัก (core subsidiary) ของบริษัทแม่ (CGS-CSI) โดย CGS-CSI มองประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีความสำคัญและมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเครือข่ายของกลุ่มบริษัทในประเทศไทย CGS-CIMB TH มีขนาดสินทรัพย์คิดเป็น 9% และกำไรคิดเป็น 19% ของบริษัทแม่ ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2564 นอกจากนี้ CGS-CIMB TH มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคของบริษัทแม่ ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการจัดการบริหารความเสี่ยง ซึ่งนำไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและแหล่งรายได้ที่กระจายตัวมากขึ้น ฟิทช์เชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของ CGS-CIMB TH น่าจะส่งผลให้ชื่อเสียงของ CGS-CSI เสียหายอย่างมาก เนื่องจากบริษัทแม่เป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดใน CGS-CIMB TH และมีการใช้ชื่อและแบรนด์ร่วมกันกับบริษัทแม่ China Galaxy International Financial Holdings Limited ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ China Galaxy Securities Co. Ltd. (CGS) มีสัดส่วนการถือหุ้นใน CGS-CSI ที่ 75% และ กลุ่มธนาคารจากประเทศมาเลเซีย, CIMB Group Sdn Bhd. เป็นผู้ถือหุ้นส่วนที่เหลืออีก 25% ความสามารถของ CGS-CSI ในการให้การสนับสนุนแก่ CGS-CIMB TH นั้น พิจารณาจาก CGS ซึ่งควบคุมการดำเนินงานของ CGS-CSI
อันดับเครดิตโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของ YSTH อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ที่ออกภายใต้โครงการดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CGS-CIMB TH, MST และ YSTH หากโครงสร้างเครดิตของบริษัทแม่มีการปรับตัวอ่อนแอลง สำหรับในกรณีของ YSTH อาจบ่งชี้ได้จากการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของบริษัทแม่ (YFHC)
อันดับเครดิตของบริษัทลูกอาจถูกปรับลดอันดับได้หากโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ (extraordinary support) แก่บริษัทลูกดังกล่าวมีการปรับตัวลดลง ตัวอย่างเช่น การที่บริษัทแม่ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงอย่างมีนัยสำคัญต่ำกว่า 75% ควบคู่ไปกับการลดระดับการควบคุมด้านการบริหารจัดการและระดับความเชื่อมโยงการบริหารงานระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูก อีกทั้งฟิทช์จะพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทลูกดังกล่าวเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่มีอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าระดับของการให้ความสนับสนุนจากบริษัทแม่ของแต่ละบริษัทจะไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้นถึงระยะกลาง
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ MST และ YSTH อาจถูกปรับลดอันดับได้หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ MST และ YSTH ถูกปรับลดลงไปที่ 'A(tha)' หรือต่ำกว่า อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ CGS-CIMB TH อาจถูกปรับลดอันดับได้หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CGS-CIMB TH ถูกปรับลดลงไปที่ 'BBB+(tha)' หรือต่ำกว่า
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ YSTH จะนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของ YSTH เช่นกัน
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
ฟิทช์อาจปรับอันดับเครดิตในเชิงบวกสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CGS-CIMB TH, MST และ YSTH หากบริษัทแม่มีโครงสร้างเครดิตที่ดีขึ้นซึ่งหมายถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในระดับที่สูงขึ้น สำหรับในกรณีของ YSTH อาจบ่งชี้ได้จากการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ YFHC
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทลูกอาจถูกปรับเพิ่มอันดับได้ หากฟิทช์เชื่อว่าแนวโน้มที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกดังกล่าวมีการปรับตัวสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น หากฟิทช์เชื่อว่า MST และ YSTH มีบทบาทที่สำคัญต่อเครือข่ายธุรกิจของกลุ่มบริษัทแม่อย่างมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากการที่บริษัทแม่มีการปรับกลยุทธ์ที่จะมุ่งเน้นในธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการลงทุนและขยายธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญสำหรับ YSTH
ในส่วนของ CGS-CIMB TH การปรับอันดับเครดิตในเชิงบวกอาจเกิดได้หากฟิทช์พิจารณาว่ามีการเชื่อมโยงในการดำเนินงานที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น เช่น มีการเพิ่มขึ้นของระดับการสนับสนุนจากกลุ่มและการส่งต่อธุรกิจซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทลูกมีแหล่งรายได้และกำไรที่หลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ MST และ YSTH และอันดับเครดิตโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของ YSTH ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เนื่องจากอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ CGS-CIMB TH อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ถูกปรับขึ้นไปที่ 'A+(tha)'
อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ CGS-CIMB TH, MST และ YSTH มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของแม่ซึ่งคือ CGS-CSI, Maybank และ YFHC ตามลำดับ