แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจด้านการเงินของ แกร็บ ผู้นำด้านซูเปอร์แอปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยยอดสินเชื่อเพื่อพาร์ทเนอร์ร้านอาหารในประเทศไทยในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน 2565) เติบโตขึ้นถึง 3 เท่าจากปีก่อนหน้า สอดรับกับการเติบโตของจำนวนของพาร์ทเนอร์ร้านอาหารบนแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี และความต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อเสริมสภาพคล่องท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย พร้อมเดินหน้าให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างต่อเนื่องโดยชูจุดขาย "สมัครง่าย - อนุมัติไว - ผ่อนสบายรายวัน"
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว "แกร็บ ประเทศไทยเริ่มให้บริการสินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็กที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเราสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องและต่อยอดธุรกิจได้ สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม - เมษายน 2565) พบว่า ยอดสินเชื่อเพื่อพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บเติบโตขึ้นสูง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย 3 ใน 4 ของร้านอาหารที่ได้รับสินเชื่อจากแกร็บเป็นร้านที่อยู่ในต่างจังหวัด ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเป็นผลมาจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้ผู้ประกอบการต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้บริหารสภาพคล่องทางธุรกิจและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2564 ตามที่ระบุในรายงานผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย และจำนวนพาร์ทเนอร์ร้านอาหารที่เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน"
"สินเชื่อเงินสดทันใจเพื่อพาร์ทเนอร์ร้านค้าแกร็บ" เป็นสินเชื่อเงินสดระยะสั้น มีระยะเวลาผ่อนชำระ 3 - 6 เดือน โดยให้วงเงินสูงสุด 100,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกสูงสุด 2.8% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบรายย่อยที่เข้าถึงบริการด้านการเงินในระบบได้ยาก โดยปีนี้ แกร็บยังคงเดินหน้าปล่อยสินเชื่อสำหรับรายย่อย โดยชูจุดเด่น 3 ประการ ได้แก่ "สมัครง่าย - อนุมัติไว - ผ่อนสบายรายวัน"
"แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างครอบคลุม โดยวางแผนที่จะปรับวงเงินสินเชื่อสูงสุดให้เกินกว่า 100,000 บาทสำหรับร้านค้าขนาดใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับขนาดของธุรกิจ รวมไปถึงการขยายระยะเวลาผ่อนชำระสำหรับร้านค้าขนาดเล็กเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการหมุนกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นและสามารถเติบโตเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ได้ ตลอดจนสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในวงกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ พร้อมตอบรับความต้องการของผู้บริโภคได้ต่อไป" นายวรฉัตร กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit