ECF เผยครึ่งปีหลังธุรกิจเข้าช่วงไฮซีซั่น มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุน ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้รวม 772.82 ล้านบาท กำไร 22.09 ล้านบาท

15 Aug 2022

ECF เผยครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจดี เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น หนุนออเดอร์ส่งออกและในประเทศพุ่ง มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถการทำกำไร พร้อมรับรู้กำไรจากธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้ามินบูต่อเนื่อง ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 รายได้รวม 772.82 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.09 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีรายได้โตตามเป้า 10-12 %

ECF เผยครึ่งปีหลังธุรกิจเข้าช่วงไฮซีซั่น มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุน ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้รวม 772.82 ล้านบาท กำไร 22.09 ล้านบาท

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ส่งผลให้มีปริมาณออเดอร์ทั้งในประเทศและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้ง บริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดในประเทศซึ่งตลอดช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สำหรับตลาดต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้าจากอินเดีย และตะวันออกกลาง รวมถึงปัจจัยจากการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกันกับลูกค้าซึ่งเริ่มกลับมาจัดการได้อีกครั้งภายหลังสถานการณ์ Covid-19 เริ่มคลี่คลายซึ่งจะช่วยให้ออเดอร์สินค้าใหม่เริ่มเข้าตั้งแต่ไตรมาสสี่เป็นต้นไป ประกอบกับไตรมาสที่สามและไตรมาสที่สี่คือช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลขาย ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายที่ 10 - 12% สำหรับปีนี้

สำหรับปีหน้าบริษัทมีแผนกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ ได้แก่ แพลทฟอร์มออนไลน์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการจำหน่ายผ่านช่องทางดังกล่าวได้ในภายในปีหน้า ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท

ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออก 55 % และจำหน่ายภายในประเทศ 45 % ของรายได้จากการขายทั้งหมด

ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ ที่ปัจจุบันรับรู้รายได้เฟสที่ 1 จำนวน 50 MW แล้ว สำหรับเฟส 2 3 และ 4 ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องแม้จะมีสัญญาณความล่าช้าเกิดขึ้นบ้างจากสถานการณ์ COVID-19 และการเมืองภายในเมียนมาร์ โดยคาดว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้นครบทั้งสี่เฟสภายในปี 2566

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้รวม 772.82 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 813.89 ล้านบาท จำนวน 41.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.05 % และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหม่ 22.09 ล้านบาท

ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้รวม 352.26 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 400.07 ล้านบาท จำนวน 47.82 ล้านบาท หรือ 11.95% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 9.83 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.77 ล้านบาท จำนวน 5.94 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุกำไรที่ลดลงมาจากยอดส่งออกที่ลดลงในช่วงไตรมาส 2 เนื่องมาจากฤดูกาลขายของลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นที่ชะลอการสั่งซื้อในไตรมาสที่ 2 สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกา และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่มีปัจจัยบวกในขณะนี้ โดยปกติแล้วรายได้จากการขายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของทุกปีจะเป็นช่วงที่มียอดขายต่ำสุด ซึ่งหากพิจารณาในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2563 และปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 277 ลบ. และ 375 ลบ. ตามลำดับ ซึ่งหากเปรียบเทียบแนวโน้มจากปี 2563 นับว่าบริษัทยังสามารถสร้างรายได้จากการขายเติบโตได้ภายใต้ปัจจุบันที่มีทั้งภาวะสถานการณ์สงคราม เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และโรคระบาด Covid-19 ในขณะนี้

ภาพรวมของผลประกอบการ ในส่วนของกำไร ไตรมาส 2 และช่วง 6 เดือนแรก ของปี 2565 ในส่วนของงบการเงินรวม ที่ผ่านมา การบริหารจัดการต้นทุนขายที่ลดลงส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้ขาย อัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้รวม และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานบวกกลับค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ต่อรายได้รวม ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในทุกอัตราส่วน แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากรายได้จากการส่งออกที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น จึงส่งผลให้มีกำไรสำหรับงวดส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ECF เผยครึ่งปีหลังธุรกิจเข้าช่วงไฮซีซั่น มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุน ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้รวม 772.82 ล้านบาท กำไร 22.09 ล้านบาท