บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 2/2565 เติบโตแกร่งรับช่วงไฮซีซั่นฤดูกาลเพาะปลูก ดันพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 9,773 ล้านบาท เติบโต 28% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 333.4 ล้านบาท เติบโต 30.4% หนุนประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย เดินแผนครึ่งปีหลังติดสปีดขยายสาขาใหม่รวมเป็นกว่า 900 สาขา มั่นใจทั้งปีพอร์ตสินเชื่อแตะกว่า 11,300 ล้านบาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ 'ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 (เมษายน - มิถุนายน 2565) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการตอกย้ำเป็นผู้นำการให้บริการสินเชื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากฐานอย่างแท้จริง่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยขยายสาขาใหม่จำนวน
171 แห่งในครึ่งปีแรก ทำให้มีสัญญาเพิ่มขึ้น 18,108 สัญญา และผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อรวมครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2565) อยู่ที่ 9,773 ล้านบาท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 อยู่ 167.1 ล้านบาท เติบโต 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2565) อยู่ที่ 333.4 ล้านบาท เติบโต 30.4% โดยมีปัจจัยมาจากพอร์ตสินเชื่อรวมที่ปรับตัวดีตามฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกรมีความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Cluster) ช่วยลดจำนวนพนักงานต่อสาขาลง เริ่มส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ นโยบายการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม ทำให้ SAK สามารถบริหารควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังสามารถทำรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการ 1,090.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินเชื่อเช่าซื้อเติบโต 54.1 % สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) เติบโต 27.4% และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัว 26.6%
กรรมการผู้จัดการ SAK กล่าวว่า แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังตอกย้ำนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม เพื่อบริหารความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพลูกหนี้ ยังมีแผนเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 38 สาขา ครอบคลุมพื้นที่
ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก จากแผนการขยายสาขา 209 แห่งในปี 2565 หรือรวมทั้งสิ้น 929 สาขาอีกด้วย
"ความต้องการสินเชื่อเพื่อนำมาเป็นฐานทุนการประกอบอาชีพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนเป็นแรงขับเคลื่อนการประกอบอาชีพ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินหรือกระทั่งต่อยอดจากการประกอบอาชีพ โดย SAK มั่นใจว่าแผนขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ จะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพโดยต้นทุนต่อรายได้ลดลงต่อเนื่องจากการขยายสาขาน้อยกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จึงมั่นใจว่า ในปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ตามเป้าหมายแตะกว่า 11,300 ล้านบาท" นายศิวพงศ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit