นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง Mokpo Science University กับ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เพื่อความร่วมมือขยายตลาดแรงงานไทยไปทำงานสาขาช่างในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือของเกาหลีใต้ ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่ผมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงแรงงานและคณะได้ประชุมหารือเพื่อขยายตลาดแรงงานไทยระหว่างกับสมาคมอู่ต่อเรือของเกาหลีใต้ (KHOSHIPA) บริษัท Hyundai Heavy Industries บริษัท Hyundai Samho Heavy Industries และมหาวิทยาลัย Mokpo Science University เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมโรงแรมล๊อตเต เมียงดง กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีนั้น ซึ่งจากผลการประชุมหารือกับบริษัท Hyundai Samho Heavy Industries ซึ่งมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Mokpo Science University โดยบริษัทฯ ให้การสนับสนุนแรงงานต่างชาติ โดยมีความต้องการรับนักศึกษาไทยที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ให้เดินทางมาเรียนต่อในระดับอนุปริญญา ระหว่างเรียนจะได้รับการอบรมภาษาเป็นเวลา 6 เดือน และสามารถฝึกงานควบคู่ไปกับการเรียนได้ โดยจะมีรายได้ประมาณ 20 ล้านวอน/ปี และเมื่อเรียนจบแล้วสามารถเข้าทางานกับบริษัทฯ ได้ทันที โดยเปลี่ยนสถานะจาก วีซ่า D-2 เป็นวีซ่า E-7 ซึ่งเป็นแรงงานประเภททักษะฝีมือ และจะมีรายได้ประมาณ 32 ล้านวอน/ปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 960,000 บาท คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 วอนเท่ากับ 0.030 บาท ในวันนี้ผู้บริหารของ Mokpo Science University กับ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง โดยมีกระทรวงแรงงานร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยสาขาช่างไปทำงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือของเกาหลีใต้
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น ปีแรกมีความต้องการรับนักศึกษาเข้าสู่ระบบดังกล่าวรวมประมาณ 300 คน และในอนาคตเชื่อว่ามีความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือในเมือง Mokpo ในสาขาช่างเชื่อม ช่างทาสี และช่างไฟฟ้า ประมาณ 1,500 คน จากการประชุมหารือกับสมาคม KHOSHIPA ซึ่งเป็นสมาคมอู่ต่อเรือของสาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท Hyundai Heavy Industries รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เพิ่มจำนวนโควตานำเข้าแรงงานต่างชาติถึงร้อยละ 20 ของพนักงานของบริษัททั้งหมด โดยต้องการแรงงานต่างชาติโซนฝั่งทวีปเอเชีย ประเทศไทยจึงเป็นประเทศหนึ่งและเป้าหมายหลักที่เกาหลีใต้ต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ฝ่ายเกาหลีใต้ให้ข้อมูลว่า ในปี 2020 มีคำสั่งซื้อเรือเข้ามาจำนวนมากจึงมีความต้องการจ้างแรงงานเพิ่มปีละประมาณ 10,000 คน ใน 3 สาขาอาชีพ ได้แก่ ช่างเชื่อม 4,000 คน ช่างทาสี 1,400 คน ช่างไฟฟ้า 1,800 คน และสาขาอื่นๆ 2,800 คน ซึ่งปัจจุบันเกาหลีใต้อยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในปี 2565 กำลังแรงงานลดลงถึง 3.5 แสนคน จึงจำเป็นต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติมาทำงานด้วยวีซ่า E-7 (วีซ่าทักษะฝีมือ) และประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นเป้าหมายหลักที่ทางเกาหลีใต้ต้องการแรงงานอายุระหว่าง 24 - 45 ปี เป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยได้ไปทำงานในเกาหลีใต้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ซึ่งกระทรวงแรงงานเองมีความพร้อมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามภารกิจ ทั้งในการจัดส่งแรงงานไทย และการพัฒนาฝึกอบรมฝีมือก่อนการเดินทางเพื่อให้มีทักษะฝีมือ และจะได้เตรียมความพร้อมในการจัดส่งแรงงานไทยวีซ่าทักษะฝีมือ (E- 7) ไปทำงานในอุตสาหกรรมต่อเรือตามความต้องการของเกาหลีใต้โดยเร็ว ซึ่งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดทดสอบฝีมือ สาขาช่างเชื่อม มีผู้เข้าทดสอบประมาณ 500 คน ซึ่งมีผู้แทนสมาคมเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit